posttoday

PTG ปั้น MAX VENTURES ลงทุนสตาร์ทอัพ สร้าง New S-Curve

25 พฤศจิกายน 2565

MAX VENTURES แหล่งสร้างรายได้ใหม่ของ PTG เฟ้นหาสตาร์ทอัพอนาคตไกลจากไทยและต่างประเทศ ต่อยอดเป็น New S-Curve ในอนาคต เพื่อให้ถึงเป้าหมายมีอัตราส่วนสร้างผลกำไรจากฝั่งธุรกินน้ำมันและ Non-Oil ที่ 50:50 ภายในปี 2569

ด้วยโจทย์ที่ บมจ. พีที เอ็นเนอร์ยี (PTG) ต้องการกระจายการลงทุนไปยังฝั่งธุรกิจที่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) จึงเริ่มมองหาโอกาสในการเชื่อโยงกับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ  ตามที่ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีที เอ็นเนอร์ยี เน้นย้ำว่า "ชีวิตของเรา (PTG) ไม่ควรอยู่บนธุรกิจน้ำมันเท่านั้น ทำให้เมื่อปี 2558 จึงเริ่มคิดเรื่องกระจายความเสี่ยงไปสู่ Non-Oil"

 

อีกทั้งด้วยกระแสดิจิทัลมาเร็วขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ Covid-19 ยิ่งทำให้ PTG ต้องเร่งสร้าง MAX VENTURES เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถเชื่อมโยงกับบริษัทสตาร์ทอัพ เพื่อนำไปสู่การเกิดธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve ที่จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่จากฝั่ง Non-Oil มากขึ้น 

 

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ที่บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนสร้างกำไรจากทั้งฝั่งธุรกิจน้ำมันและที่ไม่ใช่น้ำมันที่ 50:50 ภายในปี 2569 ซึ่ง MAX VENTURES เป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ PTG ทำได้ตามที่ตั้งใจไว้

 

นายพิทักษ์ เปิดเผยว่า บริษัท แมกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (MAX VENTURES) จะเป็นบริษัทย่อยของ PTG ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็น Corporate Venture Capital และเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทสตาร์ทอัพ (Startup) ที่มีศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

 

ทั้งนี้เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับคู่ค้าในรูปแบบต่าง ๆ และเป็นแกนกลางสำคัญในการสร้างนวัตกรรม หรือธุรกิจ New S-Curve รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจในเครือข่ายของ PTG โดย MAX Ventures จะทำหน้าที่ในการสร้างรายได้และจัดหาโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับบริษัทในเครือ PTG ประกอบด้วย 3 วิธีการ ได้แก่ 

 

1.Incubation เริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ ตั้งแต่การสรรหาไอเดียใหม่ ๆ ที่มีโอกาสในการพัฒนาเพื่อริเริ่มทดสอบไอเดียกับกลุ่มลูกค้าตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นสินค้าและบริการจริงนับเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่เป็นช่องทางรายได้ใหม่ให้กับบริษัท

 

2.Investmentลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทรวมไปถึงธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงและช่วยสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับคนไทย และ

 

3.Co-Creation เป็นการร่วมสร้างธุรกิจ หรือสินค้าและบริการร่วมกับพันธมิตร (Partner) โดยเปิดรับองค์กรทุกรูปแบบสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทและความอยู่ดีมีสุขของคนไทยไปด้วยกัน 

 

ในแต่ละปี MAX Ventures จะทำโครงการ Incubation Program เพื่อบ่มเพาะธุรกิจภายนอกองค์กรให้ร่วม Synergy สร้างโซลูชันใหม่ร่วมกับบริษัทในเครือ PTG ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยทาง MAX Ventures จะร่วมมือในการออกแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยให้มีการเตรียมความพร้อมแก่ธุรกิจหรือผู้ประกอบการภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยให้สมัครร่วมโครงการ

 

ปัจจุบันมีหน่วยงานในมหาวิทยาลัย จำนวน 5 แห่งที่ร่วม MOU กับ MAX Ventures ประกอบด้วยสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

 

สำหรับแนวธุรกิจที่ MAX Ventures ให้ความสนใจร่วมลงทุนมีด้วยกัน 4 กลุ่มหลัก ตามแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจที่เน้นการเชื่อมโยงและการทำงานร่วมกันทั้งจากภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ได้แก่ 

 

1.Connection เป็นศูนย์กลางสร้างความเชื่อมโยงธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงกับคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนให้ได้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของ PTG ทำให้สามารถส่งต่อพัฒนาต่อยอดประสบการณ์ที่ดีให้กับคนไทยได้อย่างกว้างขวาง 2.Wellnessand Wellbeing สร้างศูนย์กลางใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย 

 

3. Developing Opportunities เป็นศูนย์กลางสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่บนความร่วมมือกับกลุ่ม PTG ในการลดต้นทุนในการดำเนินชีวิต หรือเป็นแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจรายย่อยที่ขาดเงินทุนในการพัฒนาสินค้าและบริการ แต่มีโมเดลธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนโดยธุรกิจที่สนใจในการลงทุนได้แก่ธุรกิจStartupในรูปแบบพลตฟอร์มเช่นการท่องเที่ยวการขนส่งเป็นต้น

 


4. UnmatchedConveniences (ValueaddedExperience) ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและมีคุณค่ากว่าใครให้ลูกค้ารวมถึงธุรกิจที่สามารถพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าและส่งเสริมสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ของบริษัทในเครือ PTG เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเข้าไปอยู่ในชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการลงทุนในทางตรง 

 

ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินให้แก่สตาร์ทอัพ และทำงานร่วมกันที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว MAX Ventures ยังสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน รวมถึงความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในประเทศไทย

 

สำหรับหนึ่งในสตาร์ทอัพ ที่ MAX Ventures ร่วมลงทุนหรือเป็น Investment Portfolio คือ 360 TRUCK แพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมการขนส่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกธุรกิจในประเทศ และยังมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี

 

โดย 360 TRUCK เป็นแพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา “รถบรรทุกเที่ยวเปล่า” หรือการตีรถเปล่ากลับเมื่อส่งสินค้าที่ปลายทางเสร็จ ด้วยการใช้ระบบจับคู่งานขนส่งอัจฉริยะหรือ SmartAlgorithm ที่ช่วยจับคู่รถเที่ยวเปล่ากับงานขนส่ง

 

จึงมีประโยชน์กับฝั่งผู้ขนส่ง (คนขับรถบรรทุก) ที่ช่วยเพิ่มรายได้แล้วยังช่วยให้ผู้ขนส่งสามารถเข้าถึงงานขนส่งที่น่าเชื่อถือทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ฝั่งผู้จ้างขนส่งก็ใช้เวลาในการหาคนขับมารับงานเพียง 5 นาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งวัน จากการเปิดเผยของผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม 360 TRUCK 

 

รวมถึงเดิมที่คนขับรถบรรทุกเคยต้องรับภาระค่าน้ำมันสูงมาก ซึ่งแต่ละคนต้องสำรองจ่ายสำหรับ 30 วัน ราว 530,000 แต่ด้วย  360 TRUCK ทำให้ตอนนี้คนขับรถฯ สามารถไปเติมน้ำมันที่สถานี PT โดยไม่ต้องจ่ายเงินเอง และโดยรวมยังช่วยให้สามารถประหยัดเงินได้ 41 ล้านบาท แล้ว

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันแพลตฟอร์ม 360 TRUCK ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ขนส่งรถบรรทุกรวมถึงเจ้าของสินค้าที่มีการใช้รถขนส่งสินค้าเป็นประจำ และมีรถขนส่งเข้าร่วมรับงานอยู่ในระบบแล้วกว่า 58,000 คัน