บพ.ส่อหักปีก‘ไทยไทเกอร์’
ยื้ออนุมัติแผนจำปีลงทุน100ล้าน สั่งส่งข้อมูลเพิ่มมิ.ย.หมดสิทธิบิน
โพสต์ทูเดย์
— กรมการบินพลเรือน สั่งบินไทยแจงแผนธุรกิจสายการบินไทย ไทเกอร์ เพิ่มเติม รวมทั้งนำเอ็มโอยูที่ทำกับนกแอร์มาเปรียบเทียบด้วยนายสมชาย จันทร์รอด อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) เปิดเผยว่า บพ.คงไม่สามารถเร่งรัดการพิจารณาอนุมัติใช้งบลงทุนจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ ของบริษัท การบินไทย ให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนที่เอ็มโอยูระหว่างการบินไทยกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์ส จะสิ้นสุดสัญญาลงได้ เนื่องจาก บพ.ต้องวิเคราะห์ผลตอบแทนในการลงทุนให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ขาดทุน
นอกจากนี้ ขั้นตอนการอนุมัติงบลงทุนนั้นกระทรวงคมนาคมจะต้องสรุปเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณา และไม่ทันกำหนดเปิดให้บริการของสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส ในเดือน มิ.ย.นี้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในการประชุมเรื่องการขออนุมัติใช้งบลงทุนประจำปี 2553 ของบริษัท การบินไทย เพื่อจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์สนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้การบินไทยส่งรายละเอียดการจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ เพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลที่นำเสนอไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะแผนธุรกิจ เส้นทางบิน อัตราค่าเช่าเครื่องบิน รวมทั้งให้นำเอ็มโอยูที่ทำไว้กับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์ส และสายการบินนกแอร์ มาเปรียบเทียบเพื่อประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.อำนาจในการควบคุมบริหารสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส และความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งจำเป็นต้องทราบแผนเส้นทางการบิน และค่าเช่าเครื่องบิน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักของสายการบินไทย ไม่ใช่ชี้แจงว่าจะใช้วิธีการขายตั๋วล่วงหน้า เพื่อนำเงินมาหมุนและชำระค่าใช้จ่าย และ 2.การดำเนินการต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือไม่ ซึ่งล่าสุดการบินไทยชี้แจงว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนตามแผนก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ในอนาคตจะมีการเพิ่มทุนเป็น 900 ล้านบาท แต่จะคงทุนจดทะเบียนไว้ที่ 200 ล้านบาท ตลอด 5 ปี
“
การบินไทยต้องการเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติใช้งบลงทุนจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ ภายใน 2 สัปดาห์ เพราะเอ็มโอยูที่ลงนามกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์สใกล้สิ้นสุดสัญญา ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นคงไม่สามารถเร่งรัดได้ เนื่องจากจะต้องวิเคราะห์ผลตอบแทนในการลงทุนให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้การบินไทยขาดทุนในอนาคต” นายสมชาย กล่าวอย่างไรก็ตาม เห็นว่าการบินไทยควรจะจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำเอง โดยไม่ต้องร่วมทุน เพราะเมื่อยืนยันว่าไม่มีการเพิ่มทุนในอนาคต แต่จะใช้เงินทุนเพียง 200 ล้านบาท ซึ่งการบินไทยมีศักยภาพในการลงทุนเพียงพอ ขณะที่สังคมก็จะให้การยอมรับในการดำเนินการมากกว่าการร่วมทุนกับสายการบินต่างชาติ หรือหากต้องการร่วมทุน การบินไทยก็น่าจะถือหุ้นในสัดส่วนใหญ่ 70 ต่อ 30 ไม่ใช่ 51 ต่อ 49สำหรับ ขั้นตอนการอนุมัติงบลงทุนนั้นกระทรวงคมนาคมจะต้องสรุปเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ซึ่งจะต้องใช้เวลาและจะไม่ทันกำหนดเปิดให้บริการของสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส ที่จะเปิดในเดือนมิ.ย.นี้


