posttoday

จี้รัฐบาลแก้ปัญหานายจ้างเอาเปรียบแรงงาน เป็นการเร่งด่วน

20 กุมภาพันธ์ 2565

นักวิชาการจี้ รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาว่างงาน และปัญหานายจ้างฉวยจังหวะสถานการณ์เอาเปรียบลูกจ้าง

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ม. รังสิต กล่าวว่า แม้สถานการณ์การจ้างงานของไทยโดยรวมปรับตัวในทิศทางดีขึ้นโดยเฉพาะแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก ภาคการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้นบ้างหลังการเปิดประเทศ แต่รัฐบาลต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้นในการแก้ปัญหาการว่างงานโดยเฉพาะการว่างงานของธุรกิจอุตสาหกรรมที่ควบรวมกิจการและได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี การปรับหลักสูตรและระบบการศึกษาเพื่อผลิตบุคลากรที่สอดคล้องสำหรับระบบเศรษฐกิจใหม่เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังควบคู่กับการปรับทักษะ พัฒนาทักษะ สร้างทักษะให้กับแรงงาน

ขณะนี้ ภาคเอกชนรวมทั้งภาคราชการได้มีการจ้างงานแบบสัญญาจ้างระยะสั้นมากขึ้น จ้างงานตามโปรเจกต์มากขึ้น จ้างงานแบบรายวันรายชิ้นมากขึ้น จ้างงานแบบทำงานจากที่บ้านมากขึ้น มีการทำงานจากระยะไกลมากขึ้น การทำงานแบบแชร์ความสามารถส่วนบุคคล (Talent Sharing) มีการทำงานแบบฟรีแลนซ์ ซึ่งระบบการจ้างงานหรือทำงานแบบยืดหยุ่นที่เป็น Non-Standard เหล่านี้ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กร ก่อให้เกิดความคล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้เร็ว มีความยืดหยุ่น แต่ควบคุมคุณภาพได้ยาก

ขณะเดียวกันอาจเป็นการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมได้ และเรียกร้องให้รัฐกำกับ “การจ้างงานแบบยืดหยุ่น” “การจ้างงานแบบเหมาช่วง” “การจ้างงานแบบ Non-Standard” ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานแรงงานและสร้างความไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้างได้ มาตรฐานแรงงานไทยและอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานแรงงานโลก กระทรวงแรงงานได้ประกาศมาตรฐานแรงงานไทยเมื่อ 27 มิ.ย. 2546 เพื่อให้สถานประกอบการทุกประเภท ทุกขนาด นำไปปฏิบัติต่อแรงงานในสถานประกอบการด้วยความสมัครใจ การดำเนินธุรกิจและดำเนินการผลิตต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมที่ครอบคลุมสิทธิมนุษยชน (รวมสิทธิแรงงานด้วย) สภาพการจ้างและสภาพการทำงาน

ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานต้องทบทวนข้อกำหนดแห่งมาตรฐานแรงงานในช่วงนี้เนื่องจากมีสถานการณ์เลิกจ้างรุนแรงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อลูกจ้างและทำให้เกิดระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดี มาตรฐานนี้ครอบคลุมไปยังผู้รับเหมาช่วงและการจ้างงานแบบไม่เป็นมาตรฐานด้วย สถานประกอบกิจการต้องให้ลูกจ้างได้รับข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้าง และค่าตอบแทนการทำงานที่ได้รับทั้งหมดในแต่ละงวด เป็นลายลักษณ์อักษร และสามารถเข้าใจรายละเอียดส่วนประกอบต่างๆได้ สถานประกอบกิจการต้องไม่หักค่าจ้าง ค่าตอบแทนการทำงาน หรือเงินอื่นที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกำหนดให้จ่ายแก่ลูกจ้างไม่ว่ากรณีใด เว้นแต่กฎหมายยกเว้นไว้ มาตรฐานแรงงานไม่สามารถครอบคลุมแรงงานจำนวนไม่น้อยที่อยู่นอกระบบ สถานประกอบกิจการต้องไม่กระทำ หรือสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน การจ่ายค่าจ้าง และค่าตอบแทนการทำงาน การให้สวัสดิการ โอกาสได้รับการฝึกอบรม และพัฒนา การพิจาณาเลื่อนขั้น หรือตำแหน่งหน้าที่ การเลิกจ้าง หรือเกษียณอายุการทำงานและอื่นๆ อันเนื่องมาจากเหตุเพราะความแตกต่างในเรื่องของสัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา อายุ เพศ สถานภาพสมรส ทัศนคติส่วนตัวในเรื่องเพศ ความพิการ การติดเชื้อเอชไอวี การเป็นผู้ป่วยเอดส์ การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน การเป็นกรรมการลูกจ้าง ความนิยมในพรรคการเมือง หรือแนวความคิดส่วนบุคคลอื่นๆ

"ขณะนี้ นายจ้างได้ถือโอกาสช่วงวิกฤติเศรษฐกิจกลั่นแกล้งเลิกจ้างลูกจ้างอย่างเลือกปฏิบัติ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงในสังคมเพิ่มขึ้น สถานประกอบกิจการต้องไม่ขัดขวาง แทรกแซง หรือกระทำการใดๆ ที่จะเป็นผลกระทบต่อการใช้สิทธิของลูกจ้างที่ไม่มีผลเสียหายต่อกิจการ ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ ประเพณีเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ความพิการการเป็นกรรมกรลูกจ้าง การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือพรรคการเมือง และการแสดงออกตามทัศนคติส่วนบุคคลอื่นๆ สถานประกอบกิจการต้องไม่ลงโทษทางวินัย โดยการหัก หรือลดค่าจ้าง และค่าตอบแทนการทำงาน หรือเงินอื่นที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกำหนดให้จ่ายให้แก่ลูกจ้าง สถานประกอบกิจการต้องไม่กระทำและต้องมีมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหา เพื่อมิให้ลูกจ้างถูกล่วงเกิน คุกคาม หรือได้รับความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ โดยการแสดงออกด้วยคำพูด ท่าทาง การสัมผัสทางกาย หรือด้วยวิธีการอื่นใด" ดร.อนุสรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ สถานประกอบกิจการต้องกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ครอบคลุมประเภทงาน หรือลักษณะงานที่มีแนวโน้มอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุม ป้องกันให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานความปลอดภัยในทุกสภาพแวดล้อมในการทำงาน สถานประกอบกิจการต้องจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตราย และลดปัจจัยเสี่ยงให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานความปลอดภัย ขณะนี้หลายกิจการ หลายธุรกิจอุตสาหกรรมลดมาตรฐานแรงงานลงมาเพื่อลดต้นทุน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นเงื่อนไขต่อการเพิ่มการกีดกันทางการค้าอันนำมาสู่ผลกระทบต่อกิจการและประเทศชาติโดยรวมในที่สุดหากมีการจ้างงานอย่างไม่ธรรมมากๆ ไม่มีสวัสดิการ ได้รับค่าตอบแทนต่ำด้วยชั่วโมงการทำงานยาวนานและสภาพแวดล้อมในการทำงานมีความเสี่ยง ไม่ปลอดภัยและไม่มีอาชีวอนามัย ก็อาจจะดีกว่า “แรงงานทาส” ไม่มากนัก เป็นการมอง “แรงงาน” เป็นเพียงปัจจัยการผลิตและต้นทุน ไม่ได้มอง “แรงงาน” ในฐานะมนุษย์ ในฐานะเพื่อนร่วมชาติ ร่วมโลก และ สภาวะดังกล่าวมักเกิดขึ้นกับแรงงานอพยพที่ไม่มีทางเลือก และเราได้เห็นการกดขี่เอาเปรียบเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น กรณีชาวโรฮิงยา กรณีชาวเมียร์มาร์ในกิจการประมง การที่ประเทศไทยยังเป็นแหล่งของการค้ามนุษย์ค้าแรงงานทาสของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอยู่สะท้อนปัญหาที่ซ่อนอยู่ในสังคมไทยหลายประการรวมทั้งปัญหาการทุจริตในระบบราชการที่เกี่ยวข้องและการไม่มีสำนึกทางด้านสิทธิมนุษยชน มองคนเป็น “สินค้า” และมองคนไม่เท่ากัน

ข่าวล่าสุด

FunctionGemma โมเดล AI สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กจาก Google