ห่วงรัฐบาลใช้เงินกู้7แสนล้าน เอื้อกลุ่มผลประโยชน์
นักวิชาการห่วงรัฐออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท แก้ปัญหาโควิดไม่ตรงจุด หวั่นเอื้อกลุ่มผลประโยชน์
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การก่อหนี้สาธารณะและการกู้เงินเพิ่มเติมนั้นมีความจำเป็นในการนำมาใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเศรษฐกิจ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งชดเชยรายได้ ที่ได้ผลกระทบจากโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่จะกู้เงินอีก 7 แสนล้านบาท การออกเป็น พ.ร.ก. จะทำให้การพิจารณาการจัดสรรการใช้เงินกู้ซึ่งเป็นภาระภาษีประชาชนในอนาคตไม่รอบคอบ ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล และ อาจนำมาซึ่งความไม่โปร่งใสและเบี่ยงเบนไปจากยุทธศาสตร์การใช้งบประมาณ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ไม่ได้สำคัญต่อประชาชนมากนัก แต่อาจสำคัญต่อกลุ่มผลประโยชน์ทั้งในระบบราชการและนอกระบบราชการที่อยู่แวดล้อมผู้มีอำนาจรัฐ
ส่วนกรอบการจัดสรรงบประมาณปี 2565 ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ก็มีขนาดของงบประมาณที่ไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤติในปัจจุบันและอนาคต การจัดทำงบประมาณก็มองโลกในแง่ดีเกินไปว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวและรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อย จึงควรเตรียมการวางแผนก่อหนี้ไว้ล่วงหน้าเลยจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องออกเป็น พ.ร.ก. ที่ไม่มีการกลั่นกรองตรวจสอบเช่นที่ผ่านมา
สำหรับเพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีนั้นก็มั่นใจว่าน่าจะทะลุ 60% แน่นอนในปี พ.ศ. 2565 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีขณะนี้ก็เกือบจะแตะ 60% ซึ่งมีการกำหนดเพดานเอาไว้ หากเศรษฐกิจขยายได้ไม่ถึง 2% ในปีนี้ หนี้สาธารณะจะชนเพดาน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ จึงได้เสนอ แนวทางการใช้งบประมาณเพิ่มเติมจากเงินกู้ 7 แสนล้านบาทว่าควรมีแนวทางดังนี้
แนวทางที่หนึ่ง ต้องใช้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้อย่างเคร่งครัด สามารถแก้ปัญหาระยะสั้นเฉพาะหน้าและไม่สร้างภาระในระยะปานกลางหรือระยะยาว และเน้นไปที่โครงการเพื่อการลงทุนต่างๆ
แนวทางที่สอง ต้องทุ่มเทงบประมาณไปที่บริการทางการแพทย์ การบริการสุขภาพและสาธารณสุข การลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมยาและวัคซีน การควบคุมการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนมากกว่า 70% โดยเร็วที่สุด
แนวทางที่สาม ตัดงบประมาณหรือชะลอการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และค่าใช้จ่ายทางการทหารทั้งหมด ตัดงบประมาณลับ หรือ ชะลอโครงการก่อสร้างที่ไม่จำเป็นของหน่วยราชการบางแห่ง
แนวทางที่สี่ โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค โครงการลงทุนระบบชลประทานและโครงสร้างพื้นฐานระบบอุตสาหกรรมให้เดินหน้าลงทุนอย่างเต็มที่
แนวทางที่ห้า ตัดงบประมาณสนับสนุนหรือชดเชยรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์การก่อตั้งแล้ว เพราะเอกชนสามารถให้บริการได้ดีกว่ามาก รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่บริหารล้มเหลว รั่วไหล มีการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของผู้อำนาจรัฐและผู้บริหาร และไม่มีประสิทธิภาพ รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ควรถูกแปรรูปเพื่อลดภาระทางการคลังและไม่ควรใช้งบประมาณจากเงินกู้ 7 แสนล้านบาทนี้
แนวทางที่หก งบประมาณที่ใช้ควรเน้นไปที่การสร้างการจ้างงาน การประคับประคองไม่ให้ธุรกิจปิดกิจการเพื่อรักษาการจ้างงานเอาไว้ มากกว่า การแจกเงินชดเชยรายได้ แนวทางที่เจ็ด ไม่ควรใช้มาตรการหรือโครงการภายใต้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ใช้แล้วไม่มีประสิทธิผลหรือล้มเหลว ส่วนโครงการหรือมาตรการใดได้ผลควรเพิ่มเติมและขยายผลต่อ
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องนำ พ.ร.ก. 7 แสนล้านบาทเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรโดยด่วนพร้อมงบประมาณปี 2565 การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ประชาชนผู้เสียภาษีสบายใจระดับหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลได้ก่อหนี้จำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลควรเปิดเผยรายละเอียดมาตรการและโครงการในการใช้งบประมาณจากเงินกู้ 7 แสนล้านบาททันที หากรัฐบาลอ้างว่ายังไม่มีรายละเอียดและยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ย่อมแสดงถึงการบริหารจัดการงบประมาณที่ล้มเหลวไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ประชาชนย่อมมีสิทธิจะรู้ว่าเอาเงินของพวกเราไปทำอะไรบ้าง และ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องเปิดเผยรายละเอียด


