ออกคู่มือไฟล์ทอินเตอร์บินแบบ New Nomal ลุ้นปลดล็อคเดือนก.ย.

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินของไทยและต่างประเทศ ผู้ประกอบการสนามบิน ผู้แทนจาก สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)และผู้แทนจากคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินประเทศไทย (AOC)ว่า ได้หารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อม หากจะกลับมาเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทั้งนี้ประเด็นที่หารือประกอบไปด้วย มาตรการตั้งแต่การคัดกรองโรคก่อนออกประเทศ ทั้งประเทศต้นทางอื่น ๆ และประเทศไทย การ Check-in Boarding การปฏิบัติตัวทั้งของผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบิน และมาตรการเมื่อถึงสนามบินปลายทางทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้น ดังนี้

1.สายการบินจะสามารถจำหน่ายบัตรโดยสารได้เต็มตามจำนวนที่นั่งทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องเว้นที่นั่งเนื่องจากระบบอากาศหมุนเวียนในเครื่องบินได้มีการรับรองแล้วว่ามีมาตรฐาน แต่ผู้โดยสารยังต้องรับผิดชอบสวมใส่หน้ากากปิดปากและจมูก (Face Covering) ส่วนลูกเรือจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา 2.ด้านการให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ระยะเวลาของเที่ยวบินต้องเกิน 2 ชั่วโมงจึงจะอนุญาตให้มีบริการอาหารและเครื่องดื่มได้ และต้องมีมาตรการลดการสัมผัสระหว่างลูกเรือกับผู้โดยสารมากที่สุด เช่น การบรรจุอาหารและเครื่องดื่มในภาชนะที่ปิดมิดชิด

3.การจัดที่นั่งพิเศษ 3 แถวหลัง เพื่อแยกผู้โดยสารที่มีอาการน่าสงสัยระหว่างเที่ยวบิน จะมีการพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของพื้นที่ที่จะให้บริการ และระยะเวลาในการบิน

อย่างไรก็ตามทางกพท.จะนำข้อเสนอแนะจากการหารือที่ได้จากสายการบินและสนามบินในวันนี้ ไปพิจารณาปรับปรุงร่างประกาศ ฯ และนำไปหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านอื่นๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หรือ ศบค. ต่อไป

"การหารือวันนี้สายการบินต่างๆยังไม่มีการส่งสัญญาณว่าจะเริ่มกลับมาบินเส้นทางระหว่างประเทศ เนื่องจากข้อกำหนดการปิดน่านฟ้าของกพท.มีผลบังคับใช้ถึง 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการทราบแนวทางและมาตรการในทางปฏิบัติที่ชัดเจนจากภาครัฐ รวมถึงขั้นตอนที่ผู้โดยสารต้องปฏิบัติหากต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และมาตรการของประเทศปลายทาง ทางสายการบินยังไม่สามารถประเมินปริมาณความต้องการของผู้โดยสารได้ ต้องรอดูสถานการณ์จนถึงสิ้นเดือนนี้"นายจุฬา กล่าว

นายจุฬา กล่าวว่า จากข้อมูลของ IATA ที่ทำการสำรวจข้อมูลจาก 122 สายการบินทั่วโลก พบว่าการทำการบินแต่ละครั้งจะต้องมีผู้โดยสารบนเครื่องบิน(Load Factor)ไม่น้อยกว่า 77% จึงจะคุ้มทุน หากจำนวนผู้โดยสารต่ำกว่านั้น อาจเสี่ยงกับการขาดทุนได้ ซึ่งปีนี้จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศในส่วนของประเทศไทยจะหายไปถึง 70% และเหลือเดินทาง 30% เท่านั้น เกือบทั้งหมดเป็นเส้นทางภายในประเทศ โดยคาดว่าการบินในเส้นทางระหว่างประเทศจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงเดือนก.ย. 2563

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึง สถานการณ์เดือนมิ.ย. ว่า สนามบินสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินเฉลี่ยต่อวันสำหรับเส้นทางบินในประเทศ 53 เที่ยวบิน มีผู้ใช้บริการเพียงกว่าวันละ 3,699 คน ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศ ยังมีเครื่องบินพิเศษรับส่งผู้โดยสารจากประเทศต่างๆกลับมาประเทศไทย และจากไทยไปประเทศปลายทางอื่น ๆ รวมทั้งเที่ยวบินสินค้าภายในเดือนมิ.ย. 2563 อยู่ที่วันละ 106 เที่ยวบิน โดยมีผู้โดยสารที่เหลืออยู่ที่ 1,432 คนต่อวัน

ปัจจุบันได้ทยอยเปิดให้บริการของสนามบินในประเทศครบทุกแห่ง ทั้งท่าอากาศยานในสังกัดของกรมท่าอากาศยาน 28 แห่ง และท่าอากาศยานในสังกัดของท.อ.ท. และคาดว่าจะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการสายการบินอีกครั้ง