คาถาหัวใจเศรษฐีของท่าน ว.วชิรเมธี กับธุรกิจครอบครัว
....กิตติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ
“เคล็ดลับหัวใจเศรษฐี” ซึ่งเขียนโดยท่าน ว.วชิรเมธี ปราชญ์ทางพุทธศาสนาคนสำคัญแห่งเมืองไทย ยั่งยืนควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หลังจากได้อ่านรวดเดียวจบ ผมพบว่าสำหรับธุรกิจครอบครัวที่ต้องการรักษาความยั่งยืนควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมคิดว่าจะเป็นหนังสือที่เหมาะกับสมาชิกในครอบครัวที่ต้องการรักษาหรือสืบทอดธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อเป็นเศรษฐี หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Book Smile และ 7Eleven ราคา 59 บาท ผมขอเชียร์หนังสือเล่มนี้ครับ
การสืบทอดธุรกิจครอบครัวอย่างยั่งยืนอย่างเศรษฐีนั้น ถ้าตามความหมายทั่วไปก็คือ คำว่า
“เศรษฐี” หลายคนคงเข้าใจผิดว่าแปลว่า ผู้มีทรัพย์มาก แต่ความจริงแล้ว “เศรษฐี” นั้น ท่าน ว.วชิรเมธี ให้หมายถึง “คนใจบุญ คนมีคุณธรรมที่ประเสริฐเลิศล้ำ” ส่วนคนที่มีทรัพย์มากนั้น เขาเรียกว่า “มหาวาณิช” ความหมายของคำว่า “เศรษฐี” กับ “คนรวย” จึงต่างกัน คำว่า “มหาวาณิช” แต่พ่อค้าสามารถเป็นเศรษฐีได้ถ้ารู้จักเปลี่ยนทุนให้เป็นธรรมดังนั้น ธุรกิจครอบครัวที่จะยั่งยืนนั้น นอกจากจะทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตมีความเป็นมหาวาณิชแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเศรษฐีด้วย หนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีง่ายๆ ของเคล็ดลับหัวใจเศรษฐี ท่าน ว.วชิรเมธี ได้กล่าวไว้อีกว่า ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอน การรักษาความมั่งคั่ง การสอนลูกให้ร่ำรวยตามตำราฝรั่งและตำราไทยบางเล่มที่ชื่อ สอนลูกให้รวยเน้นในเรื่องของการทำให้มีเงิน แต่ว่ามุ่งผลเลิศไปถึงความมั่งคั่ง แต่ไม่คำนึงถึงว่าชอบธรรมหรือไม่ มุ่งเน้นความสำเร็จเฉพาะในแง่ธุรกิจ แต่ล้มเหลวในเชิงจริยธรรม
หนังสือเล่มนี้ของท่าน ว.วชิรเมธี ได้กล่าวไว้ว่าการเป็นเศรษฐีนั้น จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เริ่มต้นที่ความขยันหมั่นเพียรให้เหมือนผึ้ง ทักษะของการค้าขาย หัวใจเศรษฐี เป็นทั้งคนดีและคนรวย โดยหนังสือแบ่งเป็น 5 บท หนาเพียง 133 หน้า
สิ่งที่ผมอยากจะนำมาเล่าให้ผู้อ่านฟังก็คือ หัวใจ ซึ่งในเรื่องทักษะของการค้าขายนั้น ท่าน ว.วชิรเมธี ได้บอกไว้ว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้แล้วว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ประการคือ
1.ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ดี (ภาษาบาลีใช้คำว่า
“จักษุมา”) (Vision) ในทางธุรกิจครอบครัวเปรียบเทียบแล้วก็คือว่า การมี Vision การรู้ว่าการทำธุรกิจครอบครัวนั้นจะดำเนินการไปเช่นไร มีความชัดเจนว่าธุรกิจที่เรากระทำของครอบครัวนั้น จะมีจังหวะและมีการดำเนินการอย่างไร2.ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี (ภาษาบาลีใช้คำว่า
“วิทูโร”) (Good Management หรือ Good Planning) เป็นเรื่องที่นักธุรกิจจะต้องทำอยู่แล้ว3.ต้องมีเครือข่ายสัมพันธ์ที่ดี (ภาษาบาลีใช้คำว่า
“อุปนิสสัมปันโน”) (Good Connection) เพราะว่าการทำธุรกิจแต่ลำพังเพียงคนเดียวนั้นจะทำไม่สำเร็จ โดยท่านได้ให้คำว่า “นายดึง ลูกน้องดัน คนเสมอกันช่วย” หรือเครือข่ายที่ดีผู้มีธุรกิจครอบครัวก็จะต้องรู้จักเครือข่ายด้วย และทั้ง 3 สิ่งนี้จะต้องทำไปด้วยกัน ซึ่งเครือข่ายนี้จะต้องเป็นเครือข่ายที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรมถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม ไม่ใช่ช่วยเหลือแต่พรรคพวกจนลืมความถูกต้อง (ส่วนนี้ผมเพิ่มเองครับ)
คาถาหัวใจเศรษฐี 4 คำ
เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่มีทั้งการค้าขาย 3 ประการข้างต้น ก็ย่อมทำได้สำเร็จ แต่ที่สำคัญมากก็คือ เรื่องหัวใจเศรษฐีที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจครอบครัว ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ได้ให้คาถาไว้ 4 คำคือ
“
อุ” มาจากคำว่า “อุฏฐานสัมปทา” แปลว่า ขยันหา“
อา” มาจากคำว่า “อารักขสัมปทา” แปลว่า รักษาดี“
กะ” มาจากคำว่า “กัลยาณมิตตตา” แปลว่า มีกัลยาณมิตร“
สะ” มาจากคำว่า “สมชีวิตา” แปลว่า ใช้ชีวิตพอเพียงในหนังสือท่านก็ได้ขยายความว่า การขยันหานั้น จะต้องเดินไปข้างหน้า ขยันมากก็ได้มาก
ขยันหาต้องขยันตลอดเวลา
“
รักษาดี” จะต้องเก็บรักษาทรัพย์สินที่หามาได้ โดยเก็บไว้โดยพระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่ามี 6 ข้อ คือ(1) ต้องเก็บสำรองคงคลัง เก็บไว้เพื่อใช้จ่ายยามป่วยไข้
(2) แบ่งเงินมาใช้กินด้วย เงินเป็นสิ่งสมมติ
(3) นำเงินมาต่อเงิน ทำธุรกิจ การเอาเงินต่อเงินก็อย่าทำเกินกำลังก็คือ อย่างที่สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า
“ครอบครัวจะมั่นคงต้องมีก้อนเส้า 3 ขา ก็คือ หม้อแกงตั้งบนหิน ก็จะต้องมีเสา 3 เสามาค้ำยันเอาไว้ เปรียบเหมือนกับว่าครอบครัวจะต้องมั่นคงได้คือ จะต้องมีเสา 3 เสาค้ำยันอยู่ คล้ายๆ กับเปรียบเทียบกับ 3 วงกลมของ Professor Davis ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจครอบครัวที่เคยได้เขียนมาแล้วฉบับหน้าค่อยมาต่อรักษาดีข้อ 4 ถึง 6 กันนะครับ


