โจตันเล็งขึ้นราคาสีอีก5%หลังต้นทุนพุ่ง
โจตัน ระบุอุตสาหกรรมสียังเผชิญต้นทุนการผลิตสูงอีกหลายปี หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก กระทบทำโรงงานผลิตไทเทเนียม ไดออกไซด์ และอีพอกซี่ ล่าสุดเตรียมขยับราคาสีอีกรอบ 5% จากต้นปีขึ้นไปแล้ว 5%
โจตัน ระบุอุตสาหกรรมสียังเผชิญต้นทุนการผลิตสูงอีกหลายปี หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก กระทบทำโรงงานผลิตไทเทเนียม ไดออกไซด์ และอีพอกซี่ ล่าสุดเตรียมขยับราคาสีอีกรอบ 5% จากต้นปีขึ้นไปแล้ว 5%
นายอีริค มัลเลส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสีทั่วโลกยังต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนการผลิตสีที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ทำให้โรงงานผลิตไทเทเนียม ไดออกไซด์ และอีพอกซี่ หลายแห่งที่อยู่ในทวีปยุโรปต้องปิดกิจการลง ส่งผลให้ต้นทุนของวัตถุดิบดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ขณะนี้ไทเทเนียม ไดออกไซด์ราคาเพิ่มสูงขึ้นแล้ว 50% ส่วนอีพอกซี่ราคาเพิ่มขึ้น 35%
“ผู้ผลิตสียังคงต้องเผชิญกับต้นทุนในการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะโรงงานผลิตวัตถุดิบในการผลิตสีอยู่ในทวีปยุโรปและมีอยู่ 4-5 รายหลักๆในโลก ขณะที่วัตถุดิบดังกล่าวเราเองก็ไม่สามารถจะสต๊อกวัตถุดิบไว้ใช้ได้ ประกอบกับประเทศจีนนั้นใช้วัตถุดิบดังกล่าวมากเช่นกัน ขณะที่ถังพลาสติกสำหรับใส่สีก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นถึง 40% ทำให้เมื่อช่วงต้นปีต้องปรับราคาสีขึ้นไป 5% และในช่วงเดือน ธันวาคมปีนี้ ถึงมกราคมปีหน้าจะต้องไล่ปรับราคาขายขึ้นอีกอย่างน้อย 5%” นายอีริคกล่าว
สำหรับตลาดสีในปีนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนั้นเติบโตค่อนข้างดี แต่ในช่วงเดือนเมษายนถึง พฤษภาคม ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการทางการเมืองในประเทศไทย ทำให้ถึงกับต้องหยุดทำการตลาด ซึ่งธุรกิจเริ่มกลับมาดีขึ้นชัดเจนในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมียอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีก่อน 12% มียอดขายรวม 2,200 ล้านบาท มาจากการสีทาอาคาร สีอุตสาหกรรม และสีทาเรือ ซึ่งหากแบ่งเฉพาะกลุ่มสีทาอาคารนั้นมียอดขาย 1,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรวมสีทาอาคารนั้น มีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาทเติบโตขึ้นปีละ 10% หรือประมาณ 2 เท่าของตัวเลขจีดีพีเศรษฐกิจในประเทศ
ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตสีรวมทุกประเภท 45 ล้านลิตรต่อปี แต่ผลิตจริงอยู่ที่ 20 ล้านลิตรต่อปี โดยใช้งบการตลาดรวม 300 ล้านบาท
นายอีริค กล่าวว่าผลจากการเกิดภาวะน้ำท่วมหนักในภาคอีสานและภาคใต้นั้น ส่งผลต่อตัวแทนจำหน่ายในภาคใต้จำนวน 4 ราย ที่บริษัทฯได้ให้ความช่วยเหลือ แต่จะส่งผลดีกับธุรกิจสีทาอาคารหรือไม่นั้นคงจะต้องมาพิจารณาในภายหลังเนื่องจากสีทาอาคารนั้นใช้ภายหลัง หลังจากที่อาคารได้มีการก่อสร้างใหม่ โดยในปีหน้าบริษัทฯมั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น ไม่ต่ำกว่า 15%
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวสีทาภายในอาคารนวัตกรรมใหม่ แบรนด์ โจตัน MAJESTIC Eco Health ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สีรายแรกในเมืองไทย ที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ประกอบด้วย APEO คือ สารลดแรงตึงผิวชนิดสังเคราะห์ ที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น สบู่ ยาสระผม ยาฆ่าแมลง ปราศจากฟอร์มัลดีไฮด์ และโลหะหนัก ซึ่งสีร่นดังกล่าวทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นประมาณ 1.5-3%