บสท.บสก.ไม่หวั่นอสังหาแตก
โพสต์ทูเดย์
— บสก.บสท.เมินฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ยันแม้ ธปท. สั่งธนาคารคุมเข้มสินเชื่อก็ไม่สะเทือนยอดขายทรัพย์นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีความเป็นห่วงและวิตกกังวลในปัญหาฟองสบู่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ระวังการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้นเชื่อว่าไม่กระทบกับการขายสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) หรือทรัพย์สินของ บสท.
นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่กระทบเพราะลูกค้าที่ซื้อสินทรัพย์ของ บสท.จะต้องมีเงินวางมัดจำ 20% และต้องจัดหาเงินสดมาชำระการซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดภายใน 30 วัน เพราะฉะนั้นลูกค้าที่เข้ามาซื้อทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์จะต้องตั้งใจจริงที่จะลงทุนและต้องจัดหาแหล่งเงินทุน หรือเงินกู้ได้ระดับหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจมาซื้อสินทรัพย์จาก บสท. โดยที่ผ่านมามีลูกค้าประมูลซื้อสินทรัพย์แล้ว แต่ไม่สามารถจัดหาเงินมาชำระค่าทรัพย์สินได้เพียง 1% ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยมาก
ปัจจุบัน บสท.มียอดการขายทรัพย์สิน และเอ็นพีเอที่ทะลุเป้าหมายเกือบ 300% โดยในสิ้นเดือน ต.ค. สามารถขายเอ็นพีเอได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขายเอ็นพีเอได้ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 7,000 ล้านบาท และมีรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ 1.6 หมื่นล้านบาท
“
การที่ลูกค้าซื้อสินทรัพย์ บสท.เป็นการนำเงินออมส่วนตัวออกมาใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างมูลค่าของสินทรัพย์ และแม้ว่าขณะนี้มีเงินต่างประเทศไหลเข้ามามากก็ไม่สนใจเข้ามาลงทุนซื้อสินทรัพย์ของ บสท. เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติต้องการที่จะลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร หรือไม่ก็ซื้อคอนโดมิเนียมหรือสำนักงานระดับหรู ที่สร้างเสร็จแล้วมากกว่า” นางจุไรรัตน์ กล่าวด้านนายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ไม่กระทบกับยอดขายเอ็นพีเอของ บสก. เนื่องจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ราคาไม่แพง เช่น คอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์อยู่ในเมือง 80% อีกทั้ง บสก. ยังคงมีนโยบายช่วยให้ประชาชนรายย่อยที่ซื้อสินทรัพย์วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถที่จะผ่อนชำระได้
“
ฟองสบู่อสังหาฯ ที่ ธปท.เป็นห่วง น่าจะเป็นคอนโดมิเนียมราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปมากกว่า เพราะขณะนี้โอเวอร์ซัพพลาย และส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อก็เพื่อที่จะอาศัยจริงๆ หรือก็เป็นการลงทุนให้เช่า มากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร” นายสุเมธ กล่าว

