posttoday

มินท์ อดุลย์รัฐธาดา ฆราวาสก็ช่วยงานศาสนาได้

31 มีนาคม 2562

ก่อนเข้าสู่เนื้อหาคอลัมน์ ขอเรียนผู้อ่านโพสต์ทูเดย์ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่อยู่ในมือของท่านเป็นฉบับสุดท้าย

ก่อนเข้าสู่เนื้อหาคอลัมน์ ขอเรียนผู้อ่านโพสต์ทูเดย์ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่อยู่ในมือของท่านเป็นฉบับสุดท้ายแล้วนะครับ พรุ่งนี้วันจันทร์ที่ 1 เม.ย. 2562 เราท่านก็จะไม่ได้เห็นโพสต์ทูเดย์ในรูปแบบหนังสือพิมพ์วางขายบนแผงขายหนังสือพิมพ์อีกต่อไป แต่สามารถติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ได้ตามปกติ

คอลัมน์แวดวงสงฆ์ ฉบับสุดท้าย ขอนำเสนอชีวิตและงานของ “มินท์ อดุลย์รัฐธาดา” หรืออดีต พระมหาอัฏฐรัฐ ธีริสฺสโร (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นมินท์) เปรียญธรรม 9 ประโยค วัดหัวลำโพง อย่างสังเขปด้วยพื้นที่คอลัมน์จำกัด ตอนแรกตั้งใจเขียนลงคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ หน้า B7 ซึ่งผมดูแลหน้าและเขียนคอลัมน์ด้วยในห้วงเกือบ 2 ปีมานี้โดยได้รับมอบหมายต่อจาก อ.สมาน สุดโต เจ้าของคอลัมน์ตัวจริง ซึ่งเป็นทั้งผู้ตั้งชื่อและเขียนคอลัมน์ แล้วคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ ก็อยู่ยงคงกระพันมาจนถึงวันสุดท้ายของหนังสือพิมพ์อยู่ที่ 16 ปีกว่าๆ

มินท์ อดุลย์รัฐธาดา ฆราวาสก็ช่วยงานศาสนาได้

หันมาคอลัมน์วันนี้ การที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอชีวิตและงานของ มินท์ อดุลย์รัฐธาดา เพราะได้เห็นสิ่งที่เขาทำในปัจจุบันค่อนข้างโดดเด่นอยู่ 2 เรื่อง

เรื่องแรก คือ การเขียนหนังสือเกี่ยวกับพัดยศของพระสงฆ์ไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูล ศึกษา ค้นคว้าและอ้างอิง มีอยู่ 2 เล่มที่พิมพ์เสร็จและวางจำหน่ายแล้ว เล่มแรก “พัดยศ สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย” รวบรวมและเรียบเรียงขึ้นเมื่อครั้งยังเป็นพระมหามินท์ เล่ม 2 “พัดยศ ศาสนศิลป์แผ่นดินไทย”เพิ่งพิมพ์เสร็จไม่นาน ซึ่งภาพคมชัดและการจัดอาร์ตสวยงาม ส่วนเล่ม 3 “ศิลปกรรมพัดยศแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” เป็นงานวิจัยปริญญาเอก หลักสูตรพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ที่เขากำลังศึกษาอยู่ ถ้าจบปริญญาเอกเมื่อใดคงได้เห็นผลงานเล่มนี้

เรื่องที่สอง คือ การทำเฟซบุ๊กเพจ “พัดยศ สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย” เพื่อให้ความรู้แก่พระสงฆ์และบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากรู้เกี่ยวกับสมณศักดิ์พัดยศของพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศชั้นต่างๆ รวมทั้งนำเสนอข้อมูลข่าวสารในแวดวงสงฆ์สำคัญๆ ปัจจุบันมีผู้ติดตามเพจทั้งพระสงฆ์และบุคคลทั่วไปประมาณ 7 หมื่นกว่าคน มิเพียงเท่านั้น มินท์มีแนวคิดที่จะทำพิพิธภัณฑ์หรืออาจจะเป็นแกลเลอรี่พัดยศในอนาคตด้วย ซึ่งปัจจุบันเขาได้เริ่มจำลองพัดยศชั้นสมเด็จพระราชคณะแล้ว 2-3 เล่ม ฝีมือการปักโดยช่างจากศูนย์ศิลปาชีพอีกด้วย

มินท์ อดุลย์รัฐธาดา ฆราวาสก็ช่วยงานศาสนาได้

มินท์ยอมรับว่า ชื่นชอบศิลปกรรมมาตั้งแต่เด็ก พอมาบวชในพระพุทธศาสนาได้เห็นพัดยศหลากหลายชนิด แต่ละอันมีความวิจิตรงดงามจึงเกิดความหลงใหลอยากรู้ และคิดว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาสจะศึกษาหาความรู้เรื่องนี้ให้กระจ่าง และในที่สุดก็ได้ทำตามความตั้งใจเริ่มศึกษาข้อมูลพัดยศตั้งแต่ปี 2554 ขณะศึกษาคณะนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ (พระสงฆ์ไทยรูปแรกที่เรียนคณะนี้)

“ผมเกิดที่ จ.แพร่ ชื่นชอบศิลปะและลายไทยตั้งแต่เด็ก เวลามีงานศพต้องไปดูการสร้างปราสาทตามประเพณีทางเหนือและดูจิตรกรรมบนโลงศพ บวชเณรตอนอายุ 15 ที่วัดศรีบุญเรือง จ.แพร่ ตอนนั้นหลวงพ่อเจ้าอาวาสเป็นพระครู ได้เห็นพัดท่านแล้วชอบ นึกอยากเป็นพระครูเหมือนท่าน (หัวเราะ) แล้วท่านได้ส่งมาเรียนบาลีที่วัดคลองโพธิ์ จ.อุตรดิตถ์ สอบได้ประโยค 1-2 ปี 2545 แล้วย้ายมาอยู่วัดราชโอรส สอบได้ ป.ธ.3 ปี 2546 จากนั้นย้ายมาอยู่วัดหัวลำโพง สอบได้ ป.ธ.4-9 โดย ป.ธ.9 สอบได้ปี 2558 ก่อนที่จะลาสิกขาในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ในปี 2554 ผมได้สมัครเรียนปริญญาตรี คณะนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จด้วย เผื่อว่าถ้าบาลีไปไม่ถึงดวงดาวชั้น ป.ธ.9 อย่างน้อยก็มีวุฒิทางโลก ปรากฏสอบได้ทั้งทางโลกและ ป.ธ.9 ในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอก คือ การเขียนหนังสือพัดยศ และการทำเพจพัดยศนั้นมาจากการเรียนนิเทศศิลป์ เพจผมทำขึ้นในปี 2557 เพื่อเผยแพร่ผลงานที่เรียนมา ปัจจุบันเพจนี้ได้เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้เรื่องพัดยศ ประวัติของพระสงฆ์ไทยที่ได้รับสมณศักดิ์และพัดยศ รวมถึงข่าวสารในวงการสงฆ์อย่างแพร่หลายอีกด้วย”

มินท์ อดุลย์รัฐธาดา ฆราวาสก็ช่วยงานศาสนาได้

มินท์ยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจมากกับสิ่งที่ได้ลงมือทำทั้งการเขียนหนังสือ ทั้งการทำเพจ รวมทั้งแนวคิดในการทำพิพิธภัณฑ์พัดยศในอนาคต ซึ่งได้มีการเริ่มจำลองพัดยศสมเด็จพระราชาคณะเสร็จไปแล้ว 2-3 เล่มนั้นเป็นประโยชน์แก่พระสงฆ์ ประชาชน โดยเฉพาะด้านการศึกษาเกี่ยวกับพัดยศของพระสงฆ์ไทย

“ตอนนี้ผมอายุ 33 ถ้าถามว่าจบปริญญาเอกแล้วอยากทำงานอะไร ผมว่าการได้ทำในกรมการศาสนา หรือสำนักพุทธฯ น่าจะได้ใช้ความรู้และความสามารถของตัวเองได้เต็มที่และตรงสายมากสุด”มินท์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!