คนจนรุ่นสุดท้าย ... (คนรวยรุ่นแรก)
เคยมีคำพูดกันเล่นๆว่า "ความยากจนเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้"
เรื่อง จักรพงษ์ เมษพันธ์
เคยมีคำพูดกันเล่นๆว่า "ความยากจนเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้"
ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะภาระชีวิตที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มจากรุ่นพ่อแม่ สร้างเนื้อสร้างตัวมาพร้อมกับหนี้ก้อนโต เมื่อมาถึงรุ่นลูกก็ต้องมาแบกรับภาระนั้นต่อไป แล้วก็ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ
ที่ยกตัวอย่าง ไม่ได้บอกว่าเป็นความผิดของใคร และลูกๆที่พบกับเรื่องราวชีวิตในลักษณะดังกล่าว ก็ไม่ควรกล่าวโทษพ่อแม่ด้วย
มีหลายครั้งที่ลูกศิษย์ของผมมาบ่น มาปรับทุกข์ ว่าตัวเองตั้งใจจะบริหารจัดการเงินให้ดี วางแผนใช้จ่าย วางแผนเก็บเงิน วางแผนลงทุน แต่สุดท้าย แผนการของเขาก็ต้องมีอันล้มไปทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน
- พ่อถูกติดตามทวงหนี้อย่างหนัก จากเจ้าหนี้นอกระบบบ้างหละ
- แม่อยากได้เงินสักก้อน ไปลงทุนบ้างหละ
- น้องคนเล็กสอบเข้าเรียนได้ ต้องย้ายที่พักไปอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
- ฯลฯ
สุดท้ายกลายเป็นความกระอักกระอ่วนใจ ระหว่างสภาวะทางการเงินที่ไม่เป็นไปตามแผน กับความกตัญญู
ต้องเลือกระหว่างการยึดมั่นทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด กับการทำให้บุพการีสบายใจ
เงินตัวเองก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่ ถ้าให้ไปก็ไม่พอ แต่ถ้าไม่ให้ ก็รู้สึกผิด หนำซ้ำเลยต้องกู้ยืมเขาไปส่งให้ทางบ้าน
และกลายการต่อวงจรความยากจนกันต่อไป
เพราะบางคนอายุแค่เลข 2 แต่มีภาระหนี้เกินเงินเดือนไปเยอะมาก ทำแบบนี้บ่อยเข้าชีวิตก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับที่เห็นพ่อแม่เป็นมาตลอดชีวิต
***พูดมาท้ังหมดถึงตรงนี้ ไม่ได้บอกว่า ห้ามไม่ให้กตัญญู และไม่ช่วยเหลือทางบ้าน แต่ยกตัวอย่างมาเล่า เพื่อชี้ให้เห็นว่า ถ้าเราเกิดมาพร้อมชีวิตแบบนี้ เราจะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เหมือนคนอื่นเขาไม่ได้
- ต้องขยัน ต้องหาทางมากกว่าคนอื่น เพราะถ้ามีชีวิตพื้นฐานแบบนี้ บอกเลยว่า "แค่เงินเดือนไม่พอ" แน่นอน
- ต้องเก่ง ต้องขวนขวายหาความรู้มากกว่าคนอื่น เพราะถ้ารู้เท่าคนอื่น เก่งเท่าคนอื่น มันก็แซงคนอื่นไม่ได้ รู้เท่ากัน เรายังต้องอยู่ข้างหลังเลย แล้วถ้าคนอื่นเขาขยันกว่าด้วย เรามิจมไปเลยหรือ
- ต้องบริหารอารมณ์ได้ดีกว่าคนอื่น ผมเคยเป็นแบบนี้และรู้ดีว่าเวลาเสียงโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือทางการเงินเข้ามา แล้วเราไม่พร้อมช่วยเหลือ มันทำให้สติเราหลุดได้มากแค่ไหน
- ต้องเป็นผู้นำของครอบครัว เข้าไปพูด เข้าไปคุย พยายามสื่อสารให้พ่อแม่เข้าใจ ถึงเรื่องการเงิน การใช้จ่าย เพราะในหลายๆครั้ง การร้องขอเงินของครอบครัว ก็เป็นเรื่องไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ ดังนั้น เราก็ต้องกล้าพูด กล้าที่จะยืนกรานไม่ช่วยเหลือในบางเรื่อง
- ต้องอดทน อดกลั้น และแยกให้ออกระหว่างความกตัญญู กับการตามใจที่ไม่ถูกต้อง บางครั้งอาจดูเหมือนใจดำในบางเรื่อง แต่ถ้าไม่ทำ เราจะจมกันไปตลอด แต่ถ้าแข็งใจพาตัวเองผ่านไปให้รอดก่อน วันหนึ่งเรากลับมาช่วยทุกคนได้
- ฯลฯ
ถ้าครอบครัวแต่กำเนิดของคุณยากจน มีปัญหาทางการเงิน นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ
แต่ถ้าคุณยังส่งต่อความยากจนไปให้รุ่นลูกของคุณ มีเค้าแล้วชีวิตคุณลำบาก เลี้ยงเขาแบบไม่เต็มที่ นั่นเป็นความผิดของคุณอย่างแน่นอน
ดังนั้น คุณคือ คนๆนั้น คนที่จะตัดวงจรความยากจนของตระกูล ยุติมันที่ตัวคุณ ที่รุ่นของคุณ เพื่อสร้างครอบครัวที่มีความสุขและปราศจากทุกข์เรื่องการเงินโดยสมบูรณ์
ทั้งหมดที่พูดมาข้างต้น คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด และไม่ยอมให้ชีวิต 30-40 ปีหลังเรียนจบ เป็นชีวิตที่ทุกข์ทนทางการเงินไปตลอด
ถึงเวลาตัดวงจรความยากจนแล้วครับ ... เริ่มต้นตัดที่ความคิดของคุณนั่นแหละ
#TheMoneyCoachTH


