มือใหม่…เก็บเงินเที่ยวนอก ง่ายนิดเดียว
เรื่องเที่ยวๆ เป็นที่นิยมสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนใกล้เกษียณ หรือหลังเกษียณ ก็ยังอยากเที่ยวกัน
โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP® ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน BF Knowledge Center กองทุนบัวหลวง
เรื่องเที่ยวๆ เป็นที่นิยมสำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนใกล้เกษียณ หรือหลังเกษียณ ก็ยังอยากเที่ยวกัน เพราะนอกจากจะไปพักผ่อนแล้ว ยังได้ประสบการณ์แปลกใหม่หรือมุมมองใหม่ๆ กลับมาพัฒนาตัวเอง พัฒนาความคิดได้ แต่สำหรับมือใหม่ที่อยากเที่ยวเอง รายได้ก็ยังไม่เยอะ แล้วจะจัดการกับตัวเองได้อย่างไร คงหนีไม่พ้นการวางแผนทางการเงินเพื่อให้การเที่ยวนอก เป็นไปได้อย่างที่คิด
เพิ่งจบมาทำงานเป็นครั้งแรกได้รับเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท อยากไปเที่ยวต้องทำอย่างไร
• เพิ่งจบมายังไม่ทำงานได้ไม่เท่าไรก็อยากเที่ยวแล้ว ถ้าอย่างนั้นต้องถามก่อนว่า ปัจจุบันมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็ต้องเก็บเงินสำรองก่อน เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะได้มีเงินสำรองไว้ แนะนำให้มีอย่างน้อย 3 เท่าของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน หรืออยากมี 3 เท่าของรายได้สำหรับผู้ที่เพิ่งทำงานใหม่ๆ ก็มีได้
• ซึ่งเงินสำรองที่มี ควรมีในบัญชีเงินฝากธนาคารออมทรัพย์ ฝากประจำ หรือลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อฉุกเฉินจะได้นำออกมาใช้ได้ง่ายๆ
ถ้าเก็บเงินสำรองไว้แล้ว อยากเก็บเงินไปเที่ยวต้องทำยังไง
• ถ้ามีเงินสำรองแล้ว ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร ก็มาดูกันว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน อยากจะมีงบเท่าไร และอยากจะไปเมื่อไหร่
ถ้าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไปเที่ยวเอง Backpack 7 วัน 6 คืน ใช้งบประมาณ 5 หมื่นบาท อีก 3 ปีข้างหน้าค่อยไป จะพอเป็นไปได้ไหม
• เป็นไปได้ ง่ายมาก ถ้ามีเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท เก็บออม 10% ต่อเดือน หรือเดือนละ 1,500 บาท ครบ 3 ปี (36 เดือน) ก็จะมีเงิน 5.4 หมื่นบาท โดยไม่ต้องนำเงินไปลงทุนอะไรเลย หรือสามารถเพิ่มมูลค่าของเงินได้ โดยการนำไปลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้เงินเติบโตขึ้นอีกสักหน่อยก็สามารถทำได้แล้ว
• แต่ถ้าบอกว่า เก็บได้แค่เดือนละ 1,300 บาท จะพอเป็นไปได้ไหม หากเก็บได้เดือนละ 1,300 บาท ครบ 3 ปี จะมีเงิน 46,800 บาท ซึ่งยังขาดอยู่ 3,200 บาท ก็ยังไปได้ หากคิดว่า 46,800 บาท เพียงพอ ถ้าเราประหยัดค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ค่าอาหาร ค่าของฝาก แต่ถ้าคิดว่า ยังอยากได้ 5 หมื่นบาท เหมือนเดิมก็ต้องรับความเสี่ยงเพิ่มจากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 5% ต่อปี ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จกับเป้าหมายได้
• ข้อที่ต้องรู้คือการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนประมาณ 5% ต่อปีนั้น ถ้าลงทุนในตราสารหนี้อย่างเดียว โอกาสที่จะให้เงินเติบโตคงได้เพียง 1-2% ดังนั้น จึงต้องมีบางส่วนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น การลงทุนในหุ้นประมาณ 30% ต่อปี ถึงจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนคาดหวัง 5% แต่ถ้าไม่เป็นเหมือนอย่างที่ตั้งใจก็ยังมีทางเลือกว่าจะขยายเวลาออกไป เช่น จาก 3 ปี เป็น 3 ปีครึ่ง ก็ยังสามารถทำได้ หรืออาจจะหารายได้เสริมระหว่างทาง
นอกจากการเตรียมเงินไปเที่ยวแล้วยังต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง
• ประกันการเดินทาง สิ่งนี้สำคัญ อย่าลืมทำก่อนไป ค่าเบี้ยประกันเพียงหลักร้อย แต่ช่วยเราได้เป็นหลักล้าน โดยเฉพาะการเจ็บป่วยในต่างแดน จะช่วยเราได้มาก
 • เช็กสภาพอากาศ ช่วงเวลาที่จะไปว่าอยู่ฤดูไหน เพราะญี่ปุ่นจะมี 2 ช่วงที่เป็นช่วงไฮซีซั่น คือ ช่วงปลายเดือน มี.ค.-ต้นเดือน พ.ค. (ชมดอกซากุระ) และช่วงปลายเดือน ก.ย.-ธ.ค.
(ใบไม้เปลี่ยนสี) หากไปช่วงที่ไม่ติดวันหยุดยาว หรือช่วงเดือนที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ราคาตั๋วเครื่องบินและที่พักจะถูกลง นอกจากนี้จะได้เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
• ดูอัตราแลกเปลี่ยน เพราะการไปต่างประเทศต้องแลกเงินต่างประเทศไป ไปญี่ปุ่นก็ต้องแลกเงินเยน ถ้าแลกดอลลาร์สหรัฐแล้วไปใช้ที่ญี่ปุ่นจะต้องโดนอัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์เป็นเยนอีก จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้น ไปประเทศไหน ควรแลกเงินสกุลนั้นๆ ไป อาจจะทยอยแลกในช่วงที่ค่าเงินเยนอ่อน
• ที่พักควรหาแต่เนิ่นๆ บาง Web หรือบาง Application สามารถจองที่พักก่อนได้ และไปชำระเมื่อเข้าพักจริง แต่ถ้าหากเปลี่ยนใจไม่พัก จะต้องยกเลิกล่วงหน้าตามที่แจ้ง จะได้ไม่เสียเงินฟรี หากจองพร้อมตั๋วเครื่องบินจะมีโปรโมชั่นที่พักถูก
• ตั๋วเครื่องบิน หากซื้อล่วงหน้านาน จะได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่าการซื้อในช่วงใกล้เดินทาง ดังนั้นหากเหลือเวลาที่จะเตรียมตัวไปประมาณ 1 ปี ก็ลองมองหาราคาตั๋วเครื่องบินแบบประหยัดกันได้เลย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีโปรโมชั่นออกมากันบ่อย และหากซื้อตั๋วไป-กลับในครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะถูกกว่าซื้อตั๋วไปครั้งหนึ่ง และซื้อตั๋วกลับอีกครั้งหนึ่ง
• ทำแผนการเดินทาง ก่อนการจองที่พัก เพื่อจะได้หาที่พักใกล้ๆ กับการเดินทางของเรา หากเปลี่ยนย้ายที่การเดินทาง
• การเดินทางในประเทศที่เราไป เช่น ญี่ปุ่น ต้องดูว่าเราจะเน้นเที่ยวที่ไหน เดินทางแบบไหนสะดวก เช่น เดินทางโดยใช้ JR Pass หรือ คันไซทรูพาส (ใช้ได้ในภูมิภาคคันไซ สนามบินคันไซ สนามบินอิตามิ สถานีรถไฟโอซากา สถานีรถไฟเกียวโตสถานีรถไฟนารา) ซึ่งตั๋วรถไฟคันไซทรูพาส ไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR ได้ ดังนั้นต้องวางแผนเดินทางให้ดี จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
• ไว-ไฟ เป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางคนเดียว หากที่พักมีสัญญาณไว-ไฟให้ใช้ ในช่วงพักร่างกาย เตรียมตัวสำหรับเดินทางวันถัดไป ก็เตรียมตัวให้ดี แต่ถ้าต้องการเดินทางแบบมั่นใจก็สามารถเช่าอุปกรณ์ไว-ไฟ จากไทยไปได้เลย
• ที่สำคัญ อย่าตื่นเต้นจนเกินไป ต้องเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมด้วย ถ้าไปแบบป่วยๆ การเที่ยวที่เตรียมไว้คงไม่สนุกเป็นแน่ค่ะนอกจากนี้แล้วยังต้องเตรียมอะไรไปอีกบ้างไหม
• หลักๆ ในเรื่องแลกเงิน ถ้าแลกไปแล้วควรแบ่งใช้หลายกระเป๋า เผื่อตกหล่นสูญหาย จะได้เดินทางต่อได้
• ถ้ามีบัตรเครดิต VISA MASTER JCB ก็พกพากันไปเผื่อไม่พอ หรือบัตรเดบิตที่สามารถถอนเงินสดจากต่างประเทศได้ ซึ่งในส่วนนี้แนะนำว่าจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น จะได้ไม่ต้องมีภาระหนี้ตอนกลับจากเที่ยว เงินในบัญชีไม่หดหาย และเวลารูดบัตรควรจะรูดเป็นเงินเยน


