posttoday

SPCG โกยรายได้ยาวจาก 3 บิ๊กโปรเจกต์โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น

27 กุมภาพันธ์ 2562

SPCG เดินหน้าเต็มสูบเมกะโปรเจกต์ ร่วมลงทุนระยะยาว-มีความมั่นคงสูง เก็บกินรายได้ยาวจากโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 3 โครงการใหญ่ กำลังผลิตรวม 575 เมกะวัตต์

SPCG เดินหน้าเต็มสูบเมกะโปรเจกต์ ร่วมลงทุนระยะยาว-มีความมั่นคงสูง เก็บกินรายได้ยาวจากโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 3 โครงการใหญ่ กำลังผลิตรวม 575 เมกะวัตต์

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2562 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เปิดเผยว่าบริษัทฯมีความมุ่งมั่นในขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทฯมีการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 3 โครงการ ซึ่งในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้แบบเต็มปีจากโครงการโซลาร์ฟาร์มแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น นั่นคือโครงการ Tottori Yonago Mega Solar ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ณ เมือง Tottori ซึ่งได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 ที่ผ่านมา โดยโครงการนี้ เป็นการจับมือร่วมกับ Kyocera Corporation, Japan ผู้นำธุรกิจผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ และบริษัท Tokyo Century Leasing Corporation หรือ TCL ผู้นำในธุรกิจเช่าซื้อในประเทศญี่ปุ่นโครงการดังกล่าวคาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าระบบในปีแรกราว 36 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าราว 12,000 ครัวเรือน โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Chugoku Electric Power และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ราคา 36 เยนต่อหน่วย ระยะเวลา 20 ปี

พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มแห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อ “Ukujima Mega Solar Project” บนเกาะ Ukujima เมืองนางาซากิด้วยขนาดกำลังการผลิต 480 เมกะวัตต์ โครงการดังกล่าว เป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG Pubic Company Limited, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank Limited ด้วยงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 200 Billion Yen (หรือประมาณ1.8 Billion USD หรือประมาณ 55,000 ล้านบาท(อัตราแลกเปลี่ยน = 30.84 ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562) โครงการดังกล่าวมีกำหนดเริ่มการก่อสร้างในปี 2019 โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT ตามเดิม

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์มที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1 โครงการ ที่เมืองฟูกุโอกะ ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีขนาดเล็กกว่า โครงการ Ukujima จึงคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ก่อน โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนกว่า 9,000 ล้านบาท

“นโยบายของบริษัทฯ ในการลงทุนโครงการต่างๆ จะเน้นการลงทุนระยะยาว และมีความมั่นคงสูง ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศมีปัจจัยสำคัญหลายด้าน การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีและมีความเข้มแข็งจึงเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่แสวงหาโอกาสและทางเลือกการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในต่างประเทศต่อไป เพื่อสร้างการเติบโตขยายฐานธุรกิจและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทผู้ถือหุ้นอีกด้วย” กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสพีซีจีฯกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG มีแผนการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2562 โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Solar Roof ในปี 2562 นี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ปี 2018 ในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนจำนวน 100 เมกะวัตต์ ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและมีความต้องการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ Solar Roof มากขึ้นในปีนี้
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้ขอเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2561 - วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายในงวดนี้ อัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันอังคารที่ 12 มีนาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวต้องรอผลสรุปการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 อีกครั้ง โดยกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ ห้องคอนเวนชั่น เอบี ชั้น 1 โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท 11 กรุงเทพฯ

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่