ตามรอยพระราชวังจันทน์ ที่พระราชสมภพ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เชิญชวนผู้สนใจมรดกของชาติ 45 คน
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เชิญชวนผู้สนใจมรดกของชาติ 45 คนไปศึกษาพระราชวังจันทน์ หรือวังหน้า จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นวังที่ประสูติและประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตามโครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2562
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่าพระนเรศ หรือ “พระองค์ดำ” เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2133 ครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2148 สิริพระชนมายุ 50 พรรษา
เด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร ได้เล่าเรื่องวิวัฒนาการการปกครองตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ถึงอยุธยาตอนปลายว่าพระมหากษัตริย์องค์ใด ทรงมีบทบาทอย่างไร และมาเกี่ยวข้องกับเมืองพิษณุโลกอย่างไร แบบไหน ระหว่างเดินทางด้วยรถโค้ช จากกรุงเทพฯ สู่พิษณุโลก โดยมีอาจารย์มิตรชัย กุลแสงเจริญ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นผู้ซักถาม คล้ายๆ ปุจฉา-วิสัชนา (พลาดิศัยสิทธิธัญกิจ ว่าอย่างนั้น) เพื่อให้ทราบที่มาของพระราชวังจันทน์ และเมื่อจบงาน ทัศนศึกษาสถานที่จริง ระหว่างเดินทางกลับ ผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งเป็นทั้งครู อาจารย์ ทหาร ข้าราชการ และสมาชิกวารศิลปากร แสดงความคิดเห็นและตอบคำถามเรื่องต่างๆ ที่พบเห็นได้อย่างถูกต้อง สนุกสนาน ซึ่งประเมินได้ว่า เป็นไปตามเป้าประสงค์ของกรมศิลปากรอย่างครบถ้วน
ส่วนสถานที่กรมศิลปากร พาชม 2 วัน คือวันที่ 16 ก.พ. ชมนิทรรศการพระราชวังจันทน์ ที่ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ โดยมี นาตยา ภูศรี นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เป็นวิทยากรบรรยาย เน้นเรื่องประวัติและความเป็นมาและความสำคัญของพระราชวังจันทน์ ที่พระราชสมภพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และวงศ์ฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา ข้าราชการบำนาญกรมศิลปากร บรรยายเรื่องรูปแบบศิลปกรรมของพระราชวังจันทน์ และศิลปกรรมวัดในพระราชวังจันทน์ จึงเข้าที่พัก
ตอนค่ำ ผู้ร่วมเดินทางหลายท่านเดินทางชมงานวัดที่พระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดใหญ่ ซึ่งมีงานประจำปี สิทธิพร บุบผา (โต) นักวิชาการเผยแพร่ สำนักบริหารกลาง กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร บอกว่าเพิ่งเห็นงานวัดที่ยิ่งใหญ่และโอฬารก็ครั้งนี้
ส่วน เด่นดาว ศิลปานนท์ ชาวพิษณุโลก เกิด เติบโต และเรียนหนังสือระดับมัธยม ที่ จ.พิษณุโลก ว่างานประจำปีวัดใหญ่ ตอนกลางคืนคนมากถึงกับไหลกันไป พ่อแม่จึงห้ามเด็กสาวๆ ไม่ให้ไปเที่ยวตอนกลางคืน ในขณะที่สินค้าที่คนต้องการ ได้แก่ ผ้านวม ที่ตัดเย็บโดยชาวเหนือ เนื่องจาก พิษณุโลกหนาวอย่าบอกใครเชียว ในฤดูหนาว
วันที่ 17 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ออกจากที่พักแล้ว คณะวิทยากร ได้แก่ เด่นดาว ศิลปานนท์วงศ์ฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา นาตยา ภูศรีและเจ้าหน้าที่กลุ่มงานประชาสัมพันธ์อีกหลายท่านนอกจากสิทธิพร (โต) ก็มี รัชนี งามเจริญดุลยพัฒน์ นุชเฟื่อง อรเพ็ญ เพชรรัตน์ นาวี พงศ์กาญจนะ ณรงค์ศักดิ์ สุทาวัน และศิริพร ดียิ่งได้อำนวยความสะดวก พาคณะเข้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ กราบบูชาพระพุทธชินราช ซึ่งได้รับการยกย่องว่างามที่สุดในโลก สร้างในสมัยกรุงสุโขทัย รับฟังบรรยายเรื่องวัดศรีรัตนมหาธาตุ พระพุทธชินราช พระอัฏฐารส พระศาสดา พระชินสีห์ และพระปรางค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลาง หรือประธานของวัด จากนั้นถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เดินทางเข้าศึกษาพระเจดีย์ยอดทอง ณ วัดพระเจดีย์ยอดทอง ซึ่งไม่ไกลจากวัดใหญ่มากนัก แม้จะสร้างโดยพระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย ที่เสด็จมาครองพิษณุโลก 7 ปีพระเจดีย์ก็อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งนี้ วงศ์ฉัตรว่ากรมศิลปากรติดตามดูแล รักษาอย่างดี
จากวัดแห่งนี้ ได้เดินทางไปยังวัดจุฬามณี อยู่ห่างจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุออกไป 5 กิโลเมตร วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อเสด็จมารักษาเมืองพิษณุโลก 25 ปี นั้น ทรงอุปสมบทที่วัดนี้ ถึง 8 เดือน 15 วัน ที่เลือกวัดนี้ แทนที่จะทรงเลือกอุปสมบทในวัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สันนิษฐานว่าทรงศรัทธาพระในฝ่ายอรัญญวาสี (วัดป่า) สิ่งสำคัญในวัดนอกจากพระปรางค์องค์ใหญ่ที่ลวดลายงาม และพระอุโบสถ ที่เห็นใบเสมาขนาดใหญ่ทำจากหินชนวนตั้งคู่กันที่เนินดินทั้ง 8 ทิศ แล้วก็มีมณฑปที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาสร้างเพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง พร้อมทั้งสร้างศิลาจารึกไว้ที่หน้ามณฑป เมื่อ พ.ศ. 2222 อีกด้วย โครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ปี 2562 สิ้นสุดที่วัดจุฬามณีแห่งนี้ รวมเวลา 2 วัน
อย่างไรก็ตาม ขอสรุปเรื่อง พระราชวังสนามจันทน์ เพื่อการศึกษา นอกจากเรื่องที่ เด่นดาว วงศ์ฉัตร และนาตยา เล่าให้เห็นของจริงแล้ว จากข้อสังเกตผู้ร่วมโครงการก็ชื่นชมกรมศิลปากร ที่พยายามรักษาโบราณสถานแห่งนี้ให้เป็นที่ภาคภูมิใจของชนชาติไทยตลอดไป
ก่อนที่กรมศิลปากรจะประกาศพระราชวังจันทน์ เป็นเขตโบราณสถานครอบคลุมพื้นที่ 125 ไร่นั้น โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ที่เคยตั้ง ณ สถานที่นี้ได้ย้ายออกไปเมื่อ พ.ศ. 2535ทั้งๆ ที่ตั้งบนพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2474แล้วส่งคืนให้กรมศิลปากรเมื่อผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการพบว่าที่ตั้งโรงเรียนคือพระราชวังจันทน์ ที่ประสูติและประทับของวีรบุรุษของชาติได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สภาพทั่วไปที่เห็นในปัจจุบันคือแนวที่ตั้งของพระราชวังจันทน์ 3 ยุค คือ สมัยเจ้าสามพระยาสิ้นสุดสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมัยที่ 2คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมัยที่ 3สุดท้าย คือ สมัยกรุงธนบุรี ที่เล่าขานในประวัติศาสตร์ว่าอแซหวุ่นกี้ แม่ทัพผู้เฒ่าชาวพม่ามาล้อมเมืองพิษณุโลก ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรี แม่ทัพไทย ที่สามารถต้านทานทัพของพม่าไว้ได้ว่าการขอดูตัวครั้งนั้นได้เกิดขึ้น ณ ฝั่งพระราชวังจันทน์นี้เอง
ส่วนชื่อวังจันทน์นั้น สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเครื่องไม้จันทน์ที่ใช้ในการก่อสร้างตำหนัก ชื่อนี้ยังใช้เรียกตำหนักจันทรเกษมที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปประทับที่อยุธยา ทั้งนี้อาจเป็นความสะดวกและเคยชินของข้าราชสำนักที่เคยสนองงานที่ตำหนักจันทน์ เมืองพิษณุโลก เรียกขานก็ได้
พระราชวังจันทน์เมืองพิษณุโลก นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นหลักฐานทางกายภาพที่สัมผัสได้ แสดงถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และยาวนานของเมืองพิษณุโลก อันนอกเหนือที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม หมายถึงคนในถิ่นด้านเศรษฐกิจ เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้คนทุกระดับ รวมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองพิษณุโลก


