ยุนดงจู...ผู้ร้องเพลงกล่อมดวงดาว
อีกไม่กี่วัน จะครบ 100 ปี ของวันจุดชนวน
อีกไม่กี่วัน จะครบ 100 ปี ของวันจุดชนวน “ขบวนการปลดปล่อยโชซอน (เกาหลี) ให้เป็นอิสระจากการยึดครองของจักรวรรดิญี่ปุ่น” 1 มี.ค. ค.ศ. 1919 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญแรกๆ ที่ชาวโชซอนนับล้านรวมตัวกันต่อต้านเจ้าอาณานิคม หลังจากที่ญี่ปุ่นได้เข้ายึดคาบสมุทรเกาหลีมาแล้วกว่าทศวรรษ ปัจจุบันนี้ชาวเกาหลีเรียกวันนี้ว่า วัน “ซัมอิล (3-1) อุนดง” หรือ “ขบวนการ วันที่ 1 เดือน 3” ...หากศึกษาแรงจูงใจที่ทำให้ชาวท้องถิ่นต่อต้านเจ้าอาณานิคม พบว่า มาจากเหตุปัจจัยที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าที่ใดในโลก
1) ความอดทนมีจำกัด...หลังจากถูกเจ้าอาณานิคมลิดรอนสิทธิเสรีภาพมานาน ขบวนการ “ซัมอิล” เกิดขึ้น เพื่อตอบโต้การกดขี่ข่มเหงภายใต้การปกครองโดยทหารของจักรวรรดิญี่ปุ่น...สภาพในเวลานั้น คือ ที่ดินจำนวนมากถูกยึดไปเป็นของชาวญี่ปุ่นที่อพยพเข้ามา ทรัพยากรป่าไม้ถูกตัดไปจำนวนมาก เพื่อเอาไปสร้างอาคารบ้านเรือนที่ญี่ปุ่น โรงงานอุตสาหกรรมที่เริ่มเข้ามาตั้ง เอาเปรียบแรงงานท้องถิ่นชาวโชซอน...
2) ได้แรงขับดัน...แรงขับดันภายนอกที่กระทบใจชาวโชซอนอย่างแรง มี 2 เรื่อง ...เรื่องที่ 1 คือ การประกาศ “หลักการสิบสี่ข้อ” ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับสันติภาพของโลก หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งข้อ 5 ระบุว่า “ต้องให้ความยุติธรรมอย่างทั่วถึงในการจัดการกับอาณานิคมโพ้นทะเลของทุกประเทศ รวมไปถึงให้โอกาสและความสำคัญแก่การประกาศเอกราชของชนพื้นเมืองภายในอาณานิคมให้มีน้ำหนักเท่ากับประเทศแม่” เมื่อสุนทรพจน์นี้มาถึงมือนักศึกษาเกาหลีที่ข้ามมาเรียนในโตเกียว ก็ได้ตีพิมพ์แถลงการณ์เรียกร้องอิสรภาพจากการปกครองของญี่ปุ่น...
แรงขับดันเรื่องที่ 2 คือ อดีตจักรพรรดิโกจง สิ้นพระชนม์ ในเดือน ม.ค. ก่อนหน้า และมีข่าวลือสงสัยว่า พระองค์ถูกวางยาพิษ...ข้อสงสัยนี้ไม่ได้เกินเลย เพราะพระองค์เคยถูกวางยามาก่อนหน้าแล้วจาก “แผนกาแฟ” คือ การลอบสังหารโดยใส่ยาพิษลงใน “กาแฟ” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มฮอตฮิตทันสมัยที่สุดในเวลานั้น...ไม่รวยจริงไม่มีโอกาสดื่ม (อืม...กาแฟช่างเป็นเครื่องดื่ม ที่อมตะนิรันดร์กาลจริง)
วันที่ 1 มี.ค. ของ 100 ปีก่อน ในคยองซอง (กรุงโซล) กลุ่มผู้ต่อต้านได้อ่านแถลงการณ์ประกาศอิสรภาพ ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และ ประชาชนทยอยกันเดินทางไปฟังนักศึกษาอ่านแถลงการณ์ในที่สาธารณะ เกิดคลื่นมหาชนเข้าร่วมขบวนมากที่สุด ตำรวจและกองทหารญี่ปุ่นเข้าระงับเหตุ ซึ่งเกิด
ต่อเนื่องนานนับเดือนมีผู้เข้าร่วมราว 2 ล้านคนในเหตุการณ์ประท้วงราว 1,500 ครั้ง... มีผู้เสียชีวิต 7,509 คน บาดเจ็บ 15,849 คน และถูกจับกุมอีก 46,303 คน
อนึ่ง หลังจากเขียนเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีมาถึง 10 ปี ได้รับคำถามมากมายว่า ทำไมเกาหลีจึงชาตินิยมจริงจัง...เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อธิบายได้ค่ะ...เพราะบรรพบุรุษเกาหลีเคยผ่านความลำบากและสูญเสียอย่างมากในการสร้างชาติที่ถูกทำลายไปแล้ว เปรียบเสมือนการนำเครื่องเคลือบขาว “แพคจา” เนื้อละเอียดที่ถูกทุบแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนำกลับมาประกอบกันใหม่นั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญ และใช้เวลานานกว่า 35 ปี (เป็นอาณานิคม 1910-1945)
ความสูญเสียในวัน “ซัมอิล” นี้ จึงเป็นเหตุให้เกิด “การแพร่เมล็ดพันธุ์รักชาติ” ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ให้แก่ชาวโชซอนกว่า 20 ล้านคน ทั้งที่ยังคงทนรักษาบ้านเรือนตนอยู่ใต้อาณานิคมและที่พากันอพยพออกนอกประเทศไปอยู่ในแมนจูเรีย สหภาพโซเวียต (รัสเซีย) เกาะฮาวาย หรือที่ญี่ปุ่นเองด้วย...“ซัม-อิล อุนดง” เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ขยายวง “กบฏอาณานิคม” ทั่วเอเชียตะวันออก เกิดการรวมตัวของ “ขบวนการปลดปล่อยใต้ดิน” ที่ต่อสู้ต่อเนื่องมาอีกหลายสิบปี เกิด “รัฐบาลชั่วคราวโชซอนพลัดถิ่น” มีฐานที่มั่นในเซี่ยงไฮ้ และเกิดการ “เพาะเชื้อรักชาติ” ลงไปในเด็กเล็ก ลูกหลานเกาหลีที่ถือกำเนิดขึ้นในเวลานั้น
ขณะนั้นเอง ไกลออกไปในแมนจูเรีย...มีทารก กุมารโชซอน 2 คน วัยขวบเศษไล่เลี่ยกัน เป็นทั้งญาติสนิทและเพื่อน คงนั่งเล่นอยู่บนชานบ้านตรงไหนสักแห่ง ซึ่งครอบครัวของเขาพากันอพยพมาตั้งหลักแหล่งใหม่โดยหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น... ทารกน้อยสองคน มีชื่อว่า “ยุนดงจู” และ “ซงมง-คยู” ในเวลาต่อมาก็เป็นดอกไม้แห่งการปฏิวัติที่เบ่งบานที่สุดในวัยหนุ่ม หลังเหตุการณ์ “ซัมอิล” ถึง 25 ปี
“ยุนดงจู” เริ่มเขียนบทกวีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เขาเป็นผู้มีอารมณ์ละเอียดอ่อนมาก บทกวีของเขาได้บอกเล่าถึงความคิดของเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับสภาพ “พลเมืองโชซอน (เกาหลี) ผู้ไร้ซึ่งอำนาจอธิบไตย” ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาเกาหลีพลัดถิ่นในจีนและญี่ปุ่น รวมถึงชาวเกาหลีรุ่นหลังๆ ต่อมา
เขามีจินตนาการล้ำยุค...หากเกิดในสมัยนี้ บทกวีของเขาที่ชื่อว่า “ซอซี” (ลำนำแห่งบทกวี) ถือว่าไม่ได้ฝันไกลเกินเอื้อมที่จะไปนั่งร้องเพลงกล่อมดวงดาวในกาแล็กซีนี้ ให้หลับใหลได้จริง ...ในจินตนาการของเขา ใบไม้ที่ถูกลมพัด คือ ใบไม้ถูกสายลมบาด หัวใจของเขาร้องเพลงกล่อมดวงดาวได้ และ ดวงดาวแต่ละดวงบางทีก็ถูกลมพัดหายไปก็มี ...ทว่า น่าเสียดายที่เขามีชีวิตแสนสั้น เขาถูกจับในข้อหาปลุกระดมนักศึกษาเกาหลีในญี่ปุ่นเพื่อสร้างความวุ่นวายโทษจำคุก 2 ปีแต่กลับเสียชีวิตในวัยแค่ 29 ปี จากการถูกฉีดสารไม่ทราบชนิดเข้าร่างกายอย่างต่อเนื่องในคุกที่ฟูกุโอกะ พลาดโอกาสเห็นอิสรภาพของโชซอนกับตาตนเองในอีก 6 เดือนให้หลัง...ในเวลาต่อมาได้มีการรวมบทกวีของเขา พิมพ์ขึ้นมาในชื่อว่า “ท้องฟ้า และสายลม และดวงดาว” ซึ่งแปลเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษด้วย ...
เรื่องราวของ “ยุนดงจู” และ “ซงมง-คยู” ได้ถูกนำมาสร้างภาพยนตร์ ชื่อ “ดงจู”และ ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี กรุงเทพฯ จะมีพิธีรำลึก 100 ปี ของขบวนการปลดปล่อยโชซอนและรัฐบาลพลัดถิ่นชั่วคราว ซึ่งจะนำภาพยนตร์มาฉายด้วย ผู้สนใจชมภาพยนตร์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-651-0165


