เรื่องตลก
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของรายการโทรทัศน์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอที่ต่างไปจากอดีต
โดย ธนพล บางยี่ขัน
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของรายการโทรทัศน์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอที่ต่างไปจากอดีต
รายการตลกดูจะเป็นอีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับความสามารถที่จะรักษาระดับความนิยมจนผ่านร้อนผ่านหนาวยืนหยัดอยู่คู่ผังรายการโทรทัศน์มาได้อย่างเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบัน ต่างจากรายการเกมโชว์ คอนเสิร์ต สารคดี หรือรายการประเภทอื่นๆ ที่ล้มหายตายจากหรือต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากที่ได้สัมผัสเมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่น่าตกใจคือบางรายการยังใช้ “กลวิธีการเล่าเรื่อง” ตลอดจน “มุข” ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มันเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นแพตเทิร์นเดียวกับในอดีตเมื่อ 30 ปีแล้วแบบไม่มีผิดเพี้ยน
แม้ตัวตลกจะเปลี่ยนหน้าเป็นคนรุ่นใหม่ยกชุด แต่รูปแบบการรับส่ง ตัววาง ตัวปู ตัวตบ มันดันเป็นสูตรเดิม ซึ่งหากจับทางได้ก็จะรู้กลไกว่ามันทำงานอย่างไรและจบลงอย่างไร
ยิ่งมุขคลาสสิกที่ไม่น่าเชื่อว่ายังเล่นกันอยู่ก็คือการยืนเรียงแล้วผลัดกันร้องเพลงคนละท่อนใครร้องเพลงลงท้ายด้วยประโยคที่กำหนดจะต้องถูกลงโทษด้วยการตีหัว ซึ่งจะมีกลวิธีพลิกแพลงมุขเล็กๆ น้อยๆ แล้วแต่คณะ
แน่นอนว่าคนเจนวายน่าจะผ่านหูผ่านตามุขแบบนี้มาไม่มากก็น้อย แต่เอาเข้าจริงถึงดูตอนนี้มันก็ยังพอจะเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัวของตลกแต่ละคน
มันมีคำถามตามมาว่าทำไมเราถึงตลกอยู่กับสิ่งเหล่านี้อยู่ได้ในวันที่บริบทหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
สำหรับคนที่ทันยุคเฟื่องฟูของตลกคาเฟ่จะรู้ว่ารูปแบบความบันเทิงแบบนี้มันแนบแน่นและฝังรากอยู่ในวงการบันเทิงจนกลืนกันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังจะเห็นจากตลกตลอดจนทายาทตลกที่มีนามสกุลต่อท้ายเป็นชื่อคณะในอดีต หลายคนเปลี่ยนแนวทางกระจายตัวไปสู่รูปแบบการแสดงอื่นๆ
ในสมัยที่ร้านเช่าวิดีโอยังเป็นสถานที่จับจ่ายซื้อหาความบันเทิงอย่างแพร่หลายชั้นวางวิดีโอในหมวดตลกคาเฟ่เคยขยายอิทธิพลไม่น้อยหน้า หนังไทย หนังเทศ หรือการ์ตูน
ทว่าทุกวันนี้จากร้านเช่าวิดีโอ ที่ต่อมากลายสภาพเป็นร้านเช่าซีดี ดีวีดี จนสุดท้ายก็ต้องปิดตัวไปในยุคที่ทุกอย่างกลายเป็นสตรีมมิ่ง หรือมีให้เลือกดาวน์โหลดเลือกดูได้แบบไม่หวาดไม่ไหว แต่บรรดามุขของตลกคาเฟ่มันยังกลับส่งผ่านมาถึงปัจจุบันได้อย่างไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย จะมีก็เพียงแค่ปริมาณที่ลดลงจากในอดีตพอสมควร
น่าคิดต่อไปตรงที่บรรดามุขตลกเหล่านี้ทำไมมันยังตลกอยู่ต่อมาจนถึงปัจจุบันได้ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินกับการเสพความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดอะไรมากในยุคที่ทางเลือกเหมือนจะมีมากขึ้นหรือไม่ และทำไมตลกรุ่นใหม่ถึงยังคงสืบสานรักษามุขเก่าๆ มากกว่าสร้างสรรค์มุขใหม่ๆ
ทั้งที่อีกด้านหนึ่งจะเห็นว่าในปัจจุบัน รูปแบบรายการตลกบางรายการที่ฉีกกรอบหรือแตกยอดความตลกไปสู่แนวทางใหม่ๆ ก็ดูจะได้รับเสียงตอบรับอันดีจากคนดูจำนวนไม่น้อยแม้จะต้องใช้เวลาพิสูจน์แนวทางของตัวเองอยู่บ้าง
ไม่แปลกที่หลายสิ่งหลายอย่างในสังคมจะถูกส่งต่อข้ามกาลเวลาและความเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบันทั้งที่ควรจะมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นหรือเหมาะสมกับยุคสมัย
แม้แต่การเมืองในปัจจุบันที่หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าถึงเวลาต้องปฏิรูป แต่สุดท้ายเมื่อทุกอย่างต้องชี้ขาดกันที่ผลการเลือกตั้ง รูปแบบหาเสียง กลวิธีเก่าๆ การพาดพิง เสียดสี ทำลายฝ่ายตรงข้าม ไปจนถึงยุทธศาสตร์สร้างคะแนนจากนโยบายหวือหวาก็ยังมีกลับมาให้เห็นอย่างน่าผิดหวัง
ทั้งที่หลายคนดูแววแล้วน่าจะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่สามารถเดินหน้าทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ มากกว่ามาจมกับกรอบเก่าๆ ที่แต่ละพรรคการเมืองในอดีตเคยวางไว้
สุดท้ายมันก็ไม่ต่างกับตลกหน้าใหม่ที่เล่นมุขเดิมๆ เสียงหัวเราะก็อาจเป็นแค่ความเคยชินมากกว่าความขำขันก็เป็นได้


