posttoday

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการที่แท้จริง

25 พฤศจิกายน 2561

ในเดือน ธ.ค. 2555 อาจินต์ ปัญจพรรค์ ได้บริจาคหนังสือกว่า 1.5 หมื่น

โดย พริบพันดาว 

ในเดือน ธ.ค. 2555 อาจินต์ ปัญจพรรค์ ได้บริจาคหนังสือกว่า 1.5 หมื่นเล่มให้ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ซอยพระนางของกรุงเทพมหานคร และได้มีพิธีเปิดห้องสมุด อาจินต์ ปัญจพรรค์ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดของที่นี่ จากการบริจาคหนังสือของอาจินต์ และแน่งน้อย ปัญจพรรค์

หนังสือที่บริจาคเป็นหนังสือที่สะสมมาตลอด 40 ปี ทั้งหนังสือเก่าหายาก ตำราอ้างอิง และวรรณกรรม เพื่อทำให้ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ซอยพระนางเป็นห้องสมุดทางวรรณกรรม ให้บริการหนังสือด้านวรรณกรรม ยังมีนิทรรศการหมุนเวียนเกี่ยวกับนักเขียน และจัดฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง โดยครั้งแรกเป็นนิทรรศการบนเส้นทางวรรณกรรมของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ และมีมุมทำการบ้านสำหรับเยาวชน

นั่นคือคุณูปการที่ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ในปี 2534 รางวัลศรีบูรพา ประจำปี 2535 มอบให้กับสังคมไทยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เพื่อต่อยอดแรงบันดาลใจสู่คนรุ่นหลังและรุ่นใหม่

การจากไปอย่างสงบด้วยวัย 91 ปี จึงมีแต่คนคิดถึงและคารวาลัยอย่างสมเกียรติ ในฐานะนักเขียนและบรรณาธิการผู้ยิ่งใหญ่ของวงการหนังสือเมืองไทย

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่โดยส่วนมากจะรู้จักนักเขียนอาวุโส อาจินต์ ปัญจพรรค์ ผ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ ชื่อ “ตะลุยเหมืองแร่” เพราะบทประพันธ์ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ “มหา’ลัยเหมืองแร่” โดย จิระ มะลิกุล

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการที่แท้จริง

รวมถึงการถูกคัดสรรเป็น 1 ใน 100 หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน ของสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งบอกถึงคุณสมบัติของเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ โดยอาจินต์ ปัญจพรรค์ ว่า ให้ทั้งความบันเทิง ยังได้รับความรู้ในแง่มุมต่างๆ ของมนุษย์ สัมผัสบรรยากาศชีวิตแบบไทยๆ ในปักษ์ใต้เมื่อสมัย 50 ปีก่อน ได้รู้จักสำนวนและคำพังเพยของคนท้องถิ่น แฝงทั้งแง่คิดและปรัชญาชีวิต

“เหมืองแร่” จึงเปรียบเสมือนกับเพชรเม็ดใหญ่ในวงวรรณกรรมไทย ไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็จะพบวาวแววของความล้ำลึกทางความคิด ความประณีตของภาษาในความเรียบง่ายของถ้อยคำ

คงไม่ต้องกล่าวถึง อาจินต์ ปัญจพรรค์ มากนัก เพราะเขาคือ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของไทย แต่ในฐานะบรรณาธิการก็ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกัน

การเป็นบรรณาธิการนิตยสารฟ้าเมืองไทย รายสัปดาห์ ได้รับความนิยมอย่างสูง เมื่อปี 2512-2531 สามารถสร้างนักเขียนใหม่ขึ้นมาในบรรณพิภพเมืองไทยมากมาย

ไม่เพียงเท่านั้น อาจินต์ ยังได้รับรางวัลนักเขียนอมตะ ประจำปี 2557 ดังคำประกาศเกียรติคุณที่บอกว่า

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการที่แท้จริง

“คือนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่รังสรรค์ผลงานจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง กล่าวได้ว่าเป็นผู้แปรเปลี่ยนความล้มเหลวให้เป็นพลัง ‘เขียนชีวิตด้วยชีวิต’ จุดประกายทางปัญญา มีคุณูปการและให้โอกาสแก่นักเขียนรุ่นหลัง

ผลงานของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ถือเป็นรากลึกแห่งผลรวมทางความคิด อันเนื่องมาจากประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิต ทั้งในฐานะนักเขียนและบรรณาธิการที่ได้รับความเคารพและการยอมรับนับถืออย่างยิ่งมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ยังได้เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการนิตยสารที่รับใช้และยกย่องชีวิตอย่าง ฟ้าเมืองไทย ฟ้าเมืองทอง ฟ้านารี และฟ้าอาชีพ

ผลงานวรรณกรรมชิ้นเอกที่มีชื่อเสียง เช่น รวมเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ ปรัชยาไส้ นวนิยายเรื่อง เจ้าพ่อ เจ้าเมือง ล้วนสะท้อนสังคมและชีวิตของคนทุกชนชั้น ก่อให้เกิดความคิด ความหวังและแรงบันดาลใจต่อการหยัดยืนดำรงตนให้สมคุณค่าของความเป็นมนุษย์

ดังคำกล่าวของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ที่ว่า ยิ่งกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความหมายอันเป็นต้นรากของสาเหตุต่างๆ ชีวิตก็ยิ่งจะค้นพบทางสว่างแห่งการยึดถือของตัวตนเพิ่มมากขึ้น”

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการที่แท้จริง

หากย้อนหลังกลับไปกว่านั้น เรื่องสั้นสุดคลาสสิกในยุคแรกของ อาจินต์ ในนามปากกา จินตเทพ แพร คือ “เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก” สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นในวาระครบรอบ 100 ปีเรื่องสั้นไทย

เดิมทีเรื่องสั้นเรื่องนี้มีชื่อว่า “ในทะเลมีเศรษฐศาสตร์” ผู้เขียนเขียนไว้แล้วไม่ได้ตีพิมพ์ กระทั่งปี 2494 ระหว่างทำงานที่เหมืองกระโสม จ.พังงา ชอุ่ม ปัญจพรรค์ พี่สาวเจอนิยายของน้องชายที่ห้อง จึงได้นำไปให้ ศักดิ์เกษมหุตาคม เจ้าของนามปากกา “อิงอร” ช่วยพิจารณา และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ “เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก” ส่งไปให้ ประหยัด ศ.นาคะนาท ลงใน “พิมพ์ไทย” วันจันทร์ มีผู้สนใจอ่านอย่างมาก

ในฐานะเจ้าของสำนักพิมพ์ อาจินต์ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้วงการหนังสือเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง ปี 2508 ตั้งสำนักพิมพ์เพื่อพิมพ์เรื่องสั้นของตนเอง โดยเริ่มระบบเขียนเอง-พิมพ์เอง-ขายเอง ในราคาเล่มละ5 บาท เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า โอเลี้ยง 5 แก้ว

ในปีเดียวกันนั้น รวมเรื่องสั้นชุดแรก “ตะลุยเหมืองแร่” ได้รับเลือกให้ไปประชุมนักเขียนเรื่องสั้น “แอฟโฟร อาเซียน” (F4 Asian) ที่ประเทศสหภาพโซเวียต 1 เดือน

ในสุนทรกถาชื่อ “จากประสบการณ์ และหัวใจของ อาจินต์ ปัญจพรรค์” ในงานแจกรางวัลเรื่องสั้น “ช่อการะเกด” ครั้งที่ 8 วันที่ 25 พ.ค. 2534 ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อาจินต์ กล่าวอย่างลึกซึ้งกินใจและสำคัญยิ่งต่อวงการนักเขียนไทย

“งานเขียนเป็นงานที่ต้องทำคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยว แต่ความโดดเดี่ยวคือเอกเทศในการคิด ความเปล่าเปลี่ยวให้เอกสิทธิ์ในการเขียน

อาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนและบรรณาธิการที่แท้จริง

นักเขียนคือคนธรรมดาสามัญ มีความรักที่จะเขียน เขาเก็บวัตถุดิบ เลือกสรรออกมาปั้นด้วยจินตนาการ และถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาเขียน

แผ่นกระดาษจึงเป็นอาณาจักรของเขาที่เขาจะบันดาลให้มันลุกเป็นไฟ หรือเยือกเย็นด้วยแสงจันทร์ เขาใช้ความโดดเดี่ยว สร้างตัวหนังสือให้ดีเด่น เขาเปลี่ยนความเปล่าเปลี่ยวให้เป็นตัวหนังสือที่ปราดเปรียว

โลกบนแผ่นกระดาษของเขาบังเกิดมวลชีวิตและความรู้สึกนึกคิดด้วยตัวหนังสือที่เขาสั่งให้มันเคลื่อนไหว เขาปล่อยตัว คน สัตว์ วัตถุลงบนแผ่นกระดาษ ในเหตุการณ์ที่เขากำหนดในบทเจรจาที่เขาเสกสรร ผลงานของนักเขียนคือทูตผู้มีเกียรติของภาษา

ทูตผู้พูดชัดถ้อยชัดคำด้วยเหตุผล ทูตผู้มีมากด้วยความรอบคอบและรอบรู้ ทูตผู้มีชั้นเชิงในการดำเนินเนื้อเรื่อง ขั้นตอน วรรคตอน ย่อหน้า ขึ้นต้น เดินเรื่อง และลงท้าย

ผลงานของนักเขียนเดินทางอย่างกล้าหาญ ผ่านการตรวจสู่สาธารณชน ผลงานที่ดีเดินทางด้วยตัวของมันเองอย่างสง่า ผ่านการจราจรไปด้วยคุณภาพ ไปจุดประกายไฟแห่งความบันเทิงเริงรมย์และปัญญาให้แก่ผู้อ่านนับแสนนับล้าน

ไม่มีคะแนนพิเศษให้แก่ห้องแอร์ ไม่มีการตัดคะแนนผลงานของกระท่อม ต้องวัดกันด้วยฝีไม้ลายมือ-คุณค่า-คุณภาพ-คุณธรรม

สายธารแห่งวรรณกรรมชิ้นหนึ่ง มีตาน้ำอยู่ที่ขุมวัตถุดิบ ผุดพลุ่งขึ้นมาด้วยความบันดาลใจ ขับเคลื่อนด้วยแรงแห่งภาษาและศรัทธาที่จะเขียน

พ่อขุนรามคำแหงสร้างภาษาไว้ให้แก่เรา

พ่อแม่สร้างสมองไว้ให้แก่เรา

โลกสร้างวัตถุดิบรอเราอยู่

เราลงมือใช้ความโดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยว สร้างงาน”

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย