posttoday

กิมย้งจากไปแล้ว...

04 พฤศจิกายน 2561

ไม่กี่วันก่อนผมยังคุยกับมิตรสหายในงานมหกรรมหนังสือเรื่องของเขา

โดย กรกิจ ดิษฐาน 

ไม่กี่วันก่อนผมยังคุยกับมิตรสหายในงานมหกรรมหนังสือเรื่องของเขา และงานของเขา และเปรยกับสหายในวงการน้ำหมึกว่า “กิมย้งแกเป็นอมตะหรือไร?” หมายความว่าเขาอายุยืนมาก ไม่กี่วันต่อมาเขาจากโลกนี้ไปเสียได้ ในวัย 94 ปี วันที่ 30 ต.ค. 2561

บางคนอาจจะจำได้ว่า ตอนที่เกิดสึนามิบ้านเรา กิมย้งมาเที่ยว จ.ภูเก็ต ตอนนั้นก็สูงวัยมากแล้ว แต่ยังเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติมาได้ และมีชีวิตยืนยาวนาน นับว่าเป็นแมวเก้าชีวิตคนหนึ่ง แต่เขาวางมือจากงานเขียนมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว บอกว่า เขียนอุ้ยเสี่ยวป้อจบถึงที่สุดแห่งชีวิตนักเขียน

อุ้ยเสี่ยวป้อนั้นว่าด้วยคนที่ไร้วิทยายุทธ์ แต่เอาตัวรอดได้ท่ามกลางจอมยุทธ์ร้อยพัน นิยายกำลังภายในที่พระเอกไม่มีวรยุทธ์ เป็นงานที่พิสดารพันลึก ไม่มีใครเขียนได้ดีเท่ากิมย้งกิมย้งก็เขียนไม่ได้ดีเท่านี้อีก จึงตัดสินใจวางปากกา

ความสูญเสียครั้งนี้ ผมเป็นแฟนตัวยงของกิมย้งยังรู้สึกตกใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่า มีพบย่อมมีพราก งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า

กิมย้งน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ที่สุด เพราะเมื่อหลายสิบปีก่อนบุตรชายคนโตของเขาฆ่าตัวตาย ระหว่างศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ยังความเศร้าโศกให้กับกิมย้งอย่างมาก และทำให้เขาหันมาศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เพื่อแสวงหาหนทางเยียวยาจิตใจ และค้นหามรรคแห่งการพ้นทุกข์ ทำให้นิยายหลายเรื่องของเขาสะท้อนหลักศาสนาพุทธอย่างชัดเจน

งานของกิมย้งนั้นเปี่ยมไปด้วยปรัชญาจีน รสวรรณคดี เกร็ดประวัติศาสตร์ ราวกับสารานุกรมในรูปของนิยาย คล้ายกับวรรณกรรมอมตะเรื่อง “ความฝันในหอแดง” คุณภาพงานของเขาดีปานนั้น คงเพราะเขาได้รับการศึกษาแบบบัณฑิตโบราณ ควบคู่กับนักศึกษาโมเดิร์น

ความตายของกิมย้ง คือจุดสิ้นสุดของวรรณกรรมจีนแบบโบราณก็ว่าได้

งานของเขาหลายสิบเรื่อง เรื่องที่สะท้อนหลักพุทธธรรมที่สุด คือ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า

เรื่องที่สะท้อนหลักจารีตขงจื๊อ และความรักบ้านเมืองที่สุด คือ มังกรหยก ภาค ก๊วยเจ๋ง

เรื่องที่สะท้อนปรัชญาหยางจื่อ สุขนิยมไร้กรอบกฎเกณฑ์ที่สุด คือ มังกรหยก ภาค เอี้ยก้วย

เรื่องที่สะท้อนหลักอี้จิง พลิกแพลงไร้ที่สิ้นสุด คือ อุ้ยเสี่ยวป้อ จอมยุทธ์ที่ไร้เพลงยุทธ์

เรื่องที่สะท้อนสันดานดิบของมนุษย์ที่สุด คือ ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือกระบี่เย้ยยุทธจักร

เขียนเรื่อง ยิ้มเย้ยยุทธจักร สะท้อนความวินาศของการปฏิวัติวัฒนธรรม ทำให้กิมย้งถูกพวกซ้ายจัดในฮ่องกงขู่เอาชีวิต แต่เขาก็เขียนมันจนจบท่ามกลางการข่มขู่ของพวกที่เรียกตัวเองว่ามีอุดมการณ์แรงกล้า

เรื่อง ยิ้มเย้ยยุทธจักร ทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงคำว่า “วิญญูชนจอมปลอม” คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งด้านอุดมการณ์ วิพากษ์วิจารณ์ทุกคนได้ แต่กลับไม่ทนกับคนที่วิจารณ์พวกเขา

ผมเคยเขียนหนังสือวิจารณ์งานของกิมย้งโดยเฉพาะ เอ่ยถึงคำว่า วิญญูชน เอาไว้ ในนิยายกำลังภายในและหนังจีนมักได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ ...

君子報仇,十年不晚

วิญญูชน มีความแค้นสิบปียังไม่สาย

ซึ่งแท้จริงแล้วต้นเค้าของถ้อยประโยคนี้ มิได้มาจากจอมยุทธ์คนใด หากมาจากเรื่องราวของ ฟ่านจู (范雎) เสนาแคว้นเว่ย ที่ถูกใส่ร้ายจนต้องหนีไปแคว้นฉิน แล้วใช้เวลายาวนานแทรกซึมในราชสำนัก จนเป็นที่ไว้ใจเจ้าแคว้นฉิน วางแผนให้แคว้นฉินสร้างพันธมิตรล้มแคว้นเว่ย เรื่องราวการล้างแค้นอย่างเลือดเย็นนี้บันทึกในตำราสื่อจี้ โดย ซือหม่าเชียน มหาบัณฑิตยอดนักประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่า แม้แต่ในหมู่วิญญูชนสายบัณฑิต และวิญญูชนสายต่อสู้ บางคราวก็ต้องมีความแค้นอยู่ในอกเฉกเช่นเดียวกัน

แล้ว “วิญญูชนจอมปลอม” (เหว่ยจวินจื่อ - 偽君子) เล่า ควรหมายถึงคนจำพวกใด?

ย่อมเป็นในทางตรงกันข้ามกับวิญญูชนที่แท้จริงทุกกระบวนท่า เพียงแต่คนชั่วร้ายเหล่านี้ มักใช่ฉากหน้าของวิญญูชนเป็นหน้ากากซ่อนความโฉดโหดหินไว้ มิให้คนได้เห็น นับว่าต่ำช้ากว่ามาร เพราะมารยังอาจแลเห็นได้ แต่คนชั่วในคราบคนดี ใครเล่าจะมองเห็นธาตุแท้ได้ ล้วนได้เห็นเอาก็เกือบจะสายเกินการณ์ทั้งสิ้น...

นิยายของกิมย้งสะท้อนถึงวิญญูชนจอมปลอมเอาไว้ไม่น้อย นัยว่าเพื่อตักเตือนผู้อ่านให้คอยระแวดระวัง เพราะในขณะที่สังคมยกย่องความดีงาม ความชั่วช้าก็อำพรางตัวอย่างแนบเนียนอยู่ในนั้น

นิยายที่ดีควรจะเปิดโปงความชั่วร้าย ดังนี้

ขอส่งกิมย้งสู่ปรภพด้วยเนื้อเพลง “ยิ้มเย้ยยุทธจักร” ประกอบภาพยนตร์ที่สร้างนิยายเรื่องดังของเขา แม้เพลงนี้เขาจะไม่ได้แต่งขึ้น แต่สะท้อนจิตวิญญาณของจอมยุทธ์ที่ไร้พันธะในขนบจอมปลอม แต่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมแท้จริงในนิยายของกิมย้งได้เป็นอย่างดี

สดับเสียงหัวเราะร่าชลาคลั่ง, ถั่งถั่งคลื่นทะเลทบซบฝั่งสอง

ปลดปล่อยดั่งคลื่นไปไร้จับจอง, จับจ้องอยู่แต่ ณ นาทีนี้

พรหมลิขิตยิ้มยั่วทุกตัวคน, เวียนวนวนเวียนเปลี่ยนวิถี

สวรรค์เท่านั้นอาจรู้ดี, ใครที่แพ้พ่ายได้กำชัย

ภูธาราโลกหล้าพาหัวร่อ, เพียงลำพังไร้ฝนรอหลั่งรดสาย

เรื่องเก่าคลื่นกินสิ้นลาย, ใครเล่ายังรู้ไว้ซ่อนในครรลอง

ลมรื่นพายิ้มร่า หากดำรงอย่างลำพัง, ข้าไร้เคียงสอง

สหายล้วนสิ้นแล้ว, แลมอง สายัณห์อาบสีหมองเดียวดาย

หากล้วนยังหัวเราะร่า, ความเหงาฤๅจองจำข้าดั่งใจหมาย

อุดมการณ์ไม่เคยวางวาย, ข้ายังยิ้มสู้ได้บนหยัดยืน

ข่าวล่าสุด

จ่อตั้ง 1 จังหวัด 1 คลินิก 'การแพทย์แม่นยำ' ถอดรหัสพันธุกรรมโรคมะเร็ง-โรคหายาก