สังเกตดาวพุธ ในเวลาหัวค่ำ
ปลายเดือน ต.ค.ถึงกลางเดือน พ.ย. 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ต้นฤดูหนาว
โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด
ปลายเดือน ต.ค.ถึงกลางเดือน พ.ย. 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ต้นฤดูหนาว โอกาสที่ท้องฟ้าจะเปิดมีมากขึ้น ดาวพุธกำลังทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์จนปรากฏในเวลาหัวค่ำในช่วงนี้ และมีตำแหน่งบนท้องฟ้าอยู่ใกล้กับดาวพฤหัสบดี ปัจจัยสามอย่างนี้สนับสนุนให้ช่วงเวลานี้จนถึงกลางเดือนหน้าจะเป็นโอกาสดีสำหรับการมองหาดาวพุธบนท้องฟ้าหลังดวงอาทิตย์ตก
ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์สว่างก็จริง แต่โอกาสเห็นดาวพุธไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เพราะส่วนใหญ่ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ ช่วงที่ดาวพุธทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากพอให้สังเกตได้ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 6 ครั้งในรอบปี ก็มักจะอยู่ค่อนข้างใกล้ขอบฟ้า มีเวลาสังเกตได้ไม่นาน สภาพอากาศก็เป็นปัจจัยสำคัญ การสังเกตดาวพุธในประเทศไทยมักทำได้ดีในช่วงเดือน พ.ย.ถึงเดือน เม.ย. ซึ่งโอกาสที่ท้องฟ้าเปิด ไม่ค่อยมีเมฆบังเป็นไปได้มากกว่าเดือนอื่นที่เหลือ
ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ 8 ดวง ดาวพุธมีขนาดเล็กที่สุดและอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ถัดมาคือดาวศุกร์และโลก ตามลำดับ จัดเป็นดาวเคราะห์หินเช่นเดียวกับดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร พื้นผิวเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตคล้ายดวงจันทร์ ดาวพุธมีบรรยากาศเบาบางอันเกิดจากการปะทะของอนุภาคจากดวงอาทิตย์และสะเก็ดดาวขนาดเล็ก โดยองค์ประกอบในบรรยากาศ ได้แก่ ออกซิเจน โซเดียม ไฮโดรเจน ฮีเลียม และโพแทสเซียม เราไม่สามารถอยู่บนดาวพุธได้เพราะอุณหภูมิอันสุดโต่ง ด้านกลางวันสามารถพุ่งสูงถึง 430 องศาเซลเซียส ส่วนด้านกลางคืนอุณหภูมิต่ำลงถึง -180 องศาเซลเซียส
การเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ทำให้ดาวพุธที่ปรากฏบนท้องฟ้าบนโลกมีมุมห่างจากดวงอาทิตย์ที่จำกัด เราไม่เคยเห็นดาวพุธอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเที่ยงคืนเพราะดาวพุธจะตกไปก่อนตั้งแต่หัวค่ำ หรือขึ้นก่อนดวงอาทิตย์ไม่นาน ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคำนวณที่กรุงเทพฯ ในรอบปีนี้ หากเป็นช่วงที่ดาวพุธอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด ดาวพุธขึ้นเร็วที่สุดในต้นเดือน พ.ค. 2561 ที่เวลาตี 4 ครึ่ง และหากเป็นช่วงที่ดาวพุธอยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ดาวพุธตกช้าที่สุดในต้นเดือน ก.ค. 2561 ที่เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าช่วงดังกล่าวสามารถสังเกตดาวพุธได้ดีที่สุดเสมอไป เพราะต้องดูเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น-ตกด้วย ซึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในรอบปี และสภาพอากาศในฤดูฝนก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยนักสำหรับประเทศไทย
วันที่ 6 พ.ย. 2561 เป็นวันที่ดาวพุธทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในรอบนี้ หลังจากนั้นดาวพุธจะเคลื่อนกลับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น พร้อมกับความสว่างที่ลดลงอย่างรวดเร็ว คาดว่ากลางสัปดาห์ก่อนสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย.น่าจะสังเกตได้ยากแล้ว หากดูด้วยกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูง ช่วงปลายเดือน ต.ค.ดาวพุธจะมีส่วนสว่างมากกว่าครึ่งดวง พื้นที่ด้านสว่างลดลงเหลือครึ่งดวงในวันที่ 11-12 พ.ย. หลังจากนั้นกลายเป็นเสี้ยว ตลอดช่วงดังกล่าวนี้ ขนาดของดาวพุธก็ใหญ่ขึ้นตามระยะห่างที่ใกล้โลกมากขึ้น
สำหรับตำแหน่งของดาวพุธเทียบกับดาวฤกษ์บนท้องฟ้า ปลายเดือน ต.ค. ดาวพุธยังคงอยู่ในกลุ่มดาวคันชั่งเช่นเดียวกับดาวพฤหัสบดี จากนั้นเข้าสู่กลุ่มดาวแมงป่อง วันที่ 31 ต.ค. ดาวพุธและดาวพฤหัสบดีมีตำแหน่งเกือบจะขนานกับแนวขอบฟ้าโดยดาวพุธอยู่ทางซ้ายมือของดาวพฤหัสบดี วันถัดไปดาวพุธจะเริ่มอยู่สูงกว่า และเข้าใกล้ดาวแอนทาเรสหรือดาวปาริชาต ซึ่งเป็นดาวสว่างในกลุ่มดาวแมงป่องมากขึ้นทุกวัน โดยใกล้กันที่สุดในวันที่ 9 พ.ย.ที่ระยะห่าง 1.8 องศา
หากเมฆของปลายฤดูฝนยังคงเป็นอุปสรรคในการดูดาวพุธ เรามีโอกาสเห็นดาวพุธได้อีกครั้งในเดือน ธ.ค. แต่รอบถัดไปดาวพุธจะย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด ดาวพฤหัสบดีซึ่งย้ายไปก่อนหน้านั้นแล้วก็ปรากฏอยู่ด้วย ทำให้เราสามารถเห็นดาวพุธกับดาวพฤหัสบดีอยู่ใกล้กันอีกครั้งในครึ่งหลังของเดือน ธ.ค. 2561 โดยครั้งนี้ทั้งคู่ปรากฏอยู่ทางซ้ายมือของดาวแอนทาเรสในกลุ่มดาวแมงป่อง
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (28 ต.ค.-4 พ.ย.)
ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์สว่าง 4 ดวง ที่มีโอกาสเห็นได้บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ต้นสัปดาห์เป็นช่วงท้ายๆ ที่ยังมีโอกาสเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่ใกล้ดาวพุธเหนือขอบฟ้าทิศตะวันตก หลังจากนั้นดาวพฤหัสบดีจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นในมุมมองจากโลก จึงไม่สามารถสังเกตได้ ดาวพฤหัสบดีจะอยู่ในแนวเดียวกับดวงอาทิตย์ในปลายเดือน พ.ย. แล้วกลับมาให้เห็นบนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดตั้งแต่ราวกลางเดือน ธ.ค. ซึ่งจะสามารถสังเกตเห็นดาวพุธเคลื่อนไปอยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีอีกครั้งด้วย
ดาวพุธปรากฏอยู่ท่ามกลางแสงสนธยา กำลังทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้นโดยปรากฏอยู่เคียงข้างดาวพฤหัสบดี เหนือขอบฟ้าทิศตะวันตก เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีมากที่สุดในค่ำวันที่ 29 ต.ค. 2561 แต่ด้วยตำแหน่งของดาวพุธที่บริเวณกลุ่มดาวคันชั่งและแมงป่อง ซึ่งอยู่ในซีกฟ้าใต้ ทำให้ดาวเคราะห์ทั้งสองอยู่ค่อนข้างต่ำสำหรับประเทศในซีกโลกเหนืออย่างประเทศไทย การสังเกตดาวเคราะห์ทั้งสองจะทำได้ดีสำหรับสถานที่ซึ่งท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเปิดโล่ง หากอยู่บนที่สูงหรือสังเกตจากชายฝั่งภาคใต้ด้านทิศตะวันตกของประเทศไทยก็น่าจะมีโอกาสเห็นได้ดีขึ้น
ดาวเสาร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในกลุ่มดาวคนยิงธนู ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล ห่างไปทางซ้ายมือด้านบนของดาวเสาร์ สามารถสังเกตดาวเคราะห์ทั้งสองได้นับตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดหลังดวงอาทิตย์ตก ดาวเสาร์ตกลับขอบฟ้าในเวลา 3 ทุ่มครึ่ง ส่วนดาวอังคารตกลับขอบฟ้าเวลาตี 1
สัปดาห์นี้เป็นข้างแรม มองเห็นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดได้ทุกวัน ส่วนสว่างของดวงจันทร์ลดลงจนเหลือครึ่งดวงในวันที่ 31 ต.ค. จากนั้นเช้ามืดวันที่ 2 พ.ย. จะเห็นจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้ดาวหัวใจสิงห์ในกลุ่มดาวสิงโตที่ระยะห่าง 4 องศา


