posttoday

‘หาไทยแท้ไม่ได้...เรื่องนี้ก็จบ’ ความทรงจำของทรงจำของ วีรพร นิติประภา

07 ตุลาคม 2561

สร้างชื่อเสียงให้ประจักษ์ด้วยผลงาน “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต”

โดย วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน 

สร้างชื่อเสียงให้ประจักษ์ด้วยผลงาน “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” ที่ทำให้ วีรพร นิติประภา ชนะรางวัลซีไรต์ประจำปี 2558 ผลงานชิ้นถัดมา “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” นวนิยายที่สร้างความประทับใจให้ตั้งแต่ได้อ่านชื่อหนังสืออันยาวเหยียด และทำให้เธอคว้ารางวัลซีไรต์เป็นครั้งที่ 2 ประจำปี 2561 นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำได้

ก่อนผลการตัดสินรางวัลซีไรต์จะประกาศออกมา บนเวที “พบ 8 นักเขียนซีไรต์ ประจำปี 2561” จัดโดยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย รวมทั้งสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย วีรพร นิติประภา เล่าถึงหนังสือของเธอว่า เป็นการสื่อสารถึงโศกนาฏกรรมของผู้คนบนประเทศที่ไร้ทรงจำ

“โศกนาฏกรรมครั้งนั้นไม่เพียงไม่เคยถูกเล่าขาน หากยังถูกลืม และในที่สุดก็ลบเลือนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่อง อื่นๆ อีกนับร้อยพันของประเทศไร้ทรงจำ”

หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของชาวจีนอพยพที่มาตั้งรกรากในประเทศไทยครอบครัวหนึ่ง ตัวละครมีตั้งแต่คนและแมว ที่ต่างเต็มเปี่ยมด้วยความทรงจำอันขาดวิ่น แหว่งเว้า ความทรงจำเหล่านี้คลุมเครือ ไม่อาจจำแนกแยกแยะ เป็นความทรงจำจากความทรงจำ ความทรงจำจากโลกสมมติ ความทรงจำที่จะเป็นไปได้มั้ยว่ามีหรือไม่มีอยู่

ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์โลก และประวัติศาสตร์ของครอบครัวชาวจีนอพยพที่เชื่อมต่อกันอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในความทรงจำที่อาจไม่บันทึกไว้ จนที่สุดแล้วประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็นำพาให้ชีวิต ความรัก ความทุกข์ของคนและแมวทั้งหมด กลายเป็นความทรงจำที่คืนย้อน

“ไม่อาจยืนหยัดได้ในที่ๆ ของตัว ตัวละครต่างรู้สึกตรงกันในเรื่องนี้”

วีรพรเล่าว่า แนวคิดสำคัญของพุทธศักราชอัสดงฯ คือการเป็นหนังสือที่ว่าด้วยการพลัดถิ่น พร้อมๆ กับการอ่านประวัติศาสตร์เรื่องเล่าและประวัติศาสตร์ของความรู้สึกไปพร้อมๆ กัน ความหมายของชื่อหนังสือ คือความตั้งใจ ที่อยากสะท้อนให้เห็นยุคสมัยอันตกต่ำยากลำบากกับความทรงจำอันคลุมเครือ

“คนอ่านจะได้รับอะไรจากหนังสือเล่มนี้ ก็ต้องไปถามคนอ่าน” วีรพรเล่าติดตลก หากความคาดหวังสูงสุดในฐานะผู้ประพันธ์ ก็คือ ตอนทำที่หวังว่าจะเขียนเสร็จ พิมพ์ออกมาก็หวังว่าจะมีคนซื้ออ่าน(ฮา)

สังคมไทยเป็นสังคมผสมผสาน จีน-ไทยและอีกหลากหลายวัฒนธรรม สังคมจะเดินหน้าต่ออย่างไรในท่ามกลางความหลากหลายอันเป็นพหุ กลมกลืน แปลกแยก ความสุขความทุกข์และอื่นๆ วีรพรมองว่า ความจริงเราคนไทยอยู่แบบพหุวัฒนธรรมมาตั้งแต่แรกเริ่ม ความยาวนานของสังคมไทยที่เป็นสังคมพหุนี้เอง ที่จะเป็นกุญแจสำคัญให้ถอดบทเรียนและเดินหน้าต่อ

“ดิฉันเพิ่งเข้าไปมีส่วนร่วมกับการทำงานของมูลนิธิกุฎีจีน-คลองสาน พื้นที่นั้นคือมีแขกมุสลิมหลากเชื้อชาติ ฝรั่งโปรตุเกส ไทย จีน ลาว เขมร อยู่กันมาตั้งแต่ปลายอยุธยาจนถึงเดี๋ยวนี้ ความยาวนานคือตัวบอกว่าเราอยู่กันได้และดีแค่ไหน” วีรพรเล่า

นักเขียนซีไรต์กล่าวต่อไป ความชาตินิยมไร้เหตุผลต่างหาก ที่พยายามขยายความเป็นไทยให้ใหญ่ และแบ่งแยกกีดกันชาติพันธุ์อื่นๆ ออกไป คำถามน่าจะอยู่ที่ว่าไทยแท้ๆ คืออะไรมากกว่า เมื่อหาไทยแท้ไม่ได้ เรื่องเหล่านี้ก็จบไป

คงต้องบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว โครงเรื่องของพุทธศักราชอัสดงฯ ถูกคิดไว้ก่อนนวนิยายซีไรต์เล่มแรก “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” ใครเป็นแฟนวีรพรที่ติดหนึบสำนวนภาษาซึ่งไม่เหมือนใครของเธอ ก็บอกได้เลยว่า “เล่มนี้” คงไว้ซึ่งรสชาติแบบครบอรรถรส ทั้งสำนวนลีลา อีกพล็อตแทรกตั้งแต่บทเพลง การกินการดื่ม อาหาร รสนิยม...วิธีคิดวิธีเสพแบบวีรพร

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต