จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด จิตรกรวิกตอเรียนนักฝัน
Dolce far Niente ผลงานมาสเตอร์พีซของจิตรกรสมัยวิกตอเรียน นีโอ-คลาสสิก จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด
โดย ปณิฏา
Dolce far Niente ผลงานมาสเตอร์พีซของจิตรกรสมัยวิกตอเรียน นีโอ-คลาสสิก จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด กลายเป็นไฮไลต์ในงานประมูลผลงานศิลปะยุโรป วิกตอเรียน และอิมเพรสชันนิสม์ ของอังกฤษ จากศตวรรษที่ 19 ที่สถาบันบอนแฮมส์ ด้วยยอดประมูลสูงถึง 2.48 แสนปอนด์
จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด (มีชีวิตระหว่าง 1861-1922) มีผลงานภาพที่คุ้นเคยเป็นหญิงสาวสวยนั่งๆ ยืนๆ นอนๆ อยู่ท่ามกลางฉากตอนแบบคลาสสิก สไตล์อย่างที่เราคุ้นเคยเหมือนผลงานของจิตรกรนักวาดภาพแลนด์สเคปชาวดัตช์ ลอว์เรนซ์ อัลมา-ทาเดมา (มีชีวิตระหว่าง 1836-1912) ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขานั่นเอง
ชีวิตของ จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด ไม่ได้สวยงามเฉียบ เนี้ยบ อย่างภาพที่เขาวาด เขาถูกอัปเปหิออกจากบ้าน หลังจากประกาศว่าต้องการจะเป็นศิลปินนักวาดภาพ ทำให้ต้องไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในอิตาลี ก่อนจะกลับมายังอังกฤษในวัย 60 และจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายในปีถัดมา โดยทิ้งโน้ตเอาไว้ว่า... โลกนี้เล็กเกินไปสำหรับการมีเขาและปิกัสโซอยู่พร้อมๆ กัน
จอห์น เกิดในครอบครัวนักกฎหมาย เป็นบุตรชายคนโต ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน เมื่อเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะรอยัล อะคาเดมี และบอกว่าจะยึดอาชีพเป็นจิตรกร ครอบครัวก็ประกาศตัดขาด และถึงกับฉีกรูปของเขาทิ้งเลยทีเดียว
จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด สร้างสรรค์ผลงานตามทฤษฎีของ เฟรเดอริก ลีห์ตัน ในการวาดภาพสตรีที่มีสไตล์คลาสสิก ขณะที่นำเอาฉากตอนแลนด์สเคปแสนสวย ที่มักประกอบด้วยสถาปัตยกรรมหินอ่อนของอาจารย์ลอว์เรนซ์มาเป็นฉากหลัง กลายเป็นสตรีสาวสวยในชุดเดรสสไตล์คลาสสิก ในอากัปกิริยาหลากหลาย บนฉากสถาปัตยกรรมหินอ่อนสุดหรู
ภาพเขียนชื่อดังของเขา อย่าง The Tepidarium (1913) นำเอาฉากแลนด์สเคปจากยุคโรมันโบราณในภาพเขียนของ ลอว์เรนซ์ อัลมา-ทาเดมา มาเป็นฉากหลังของภาพสตรีที่เขาวาด แสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกับอาจารย์ชาวดัตช์ และยังแสดงแนวทางของตัวเอง ที่ผสมผสานทฤษฎีแบบเฟรเดอริก ลีห์ตัน และลอว์เรนซ์ อัลมา-ทาเดมา เข้าด้วยกัน
เช่นเดียวกับ ลอว์เรนซ์ อัลมา-ทาเดมา ที่เป็นทั้งจิตรกรและนักโบราณคดี ที่ออกไซต์งานเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์พร้อมๆ ไปกับสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพ ตัวของจอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ดเอง ก็ศึกษามาทางด้านสถาปัตย์และบรรดาเครื่องแต่งกายสไตล์คลาสสิกมาโดยตรง นั่นจึงทำให้ได้ผลงานจิตรกรรมที่มีความเฉียบเนี้ยบ เสมือนจริงไปในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ความสวยงามเพอร์เฟกต์ของหญิงสาวในภาพ ไปจนถึงใบไม้ ดอกไม้ หนังสัตว์ที่ประดับอยู่ในฉาก ฯลฯ ดังที่เห็นในภาพ Noon Day Rest (1910) A Cool Retreat (1910) Nerissa (1906) หรือ Summer Flowers (1903) ก็ตาม
จิตรกรในยุควิกตอเรียน นีโอ-คลาสสิก อย่าง จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นจิตรกรในความเคลื่อนไหวแบบ พรี-ราฟาเอลไลต์ (Pre-Rafaelite) ที่เกิดขึ้นมาในยุคหลังอยู่บ่อยๆ ด้วยสไตล์ของภาพหญิงสาวสวยแบบคลาสสิกที่ปรากฏ ทว่า สิ่งที่แตกต่างกัน คือ สีสันในภาพยุควิกตอเรียน นีโอ-คลาสสิก จะเน้นความสดใส ไม่คลุมโทนหม่นๆ แบบพรี-ราฟาเอลไลต์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับจิตรกรในยุคสมัยเดียวกัน ก็นับว่าผลงานของจอห์นนั้นโดดเด่นอยู่ในระดับท็อป จนได้รับฉายา “High Victorian Dreamer”
“ผลงานวาดภาพสตรียุคคลาสสิก ของจอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด ได้รับยกย่องในแวดวงศิลปะอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เทคนิคการวาดภาพระดับมาสเตอร์ของเขา ซึ่งในแต่ละภาพ นอกจากจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกแล้ว ยังกอปรขึ้นด้วยคอนทราสต์ของพื้นผิว ความสดใส การวาดหินอ่อนที่เสมือนจริงมาก รวมทั้ง ชุดเสื้อผ้า กับขนสัตว์ที่เนี้ยบไร้ที่ติ ทั้งหมดมาจากความรักในยุคสมัยที่เขาเกิดและเติบโตมาอย่างแท้จริง”
นักประวัติศาสตร์ศิลปะ ยังบอกอีกว่า ผลงานขนาดใหญ่ในยุคหลังๆ ของการวาดภาพของเขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในอังกฤษ ประเทศบ้านเกิดของเขาเอง โดยภาพวาดสไตล์ วิกตอเรียน นีโอ-คลาสสิก แบบนี้ ยังได้รับความนิยมต่อมาอีกกว่า 3 ทศวรรษ หลังการจากไปของ จอห์น วิลเลียม ก๊อดวาร์ด 


