posttoday

ศารทวิษุวัต

16 กันยายน 2561

วันที่ 23 ก.ย. 2561 ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนผ่านจุดศารทวิษุวัต

โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด
 
วันที่ 23 ก.ย. 2561 ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนผ่านจุดศารทวิษุวัต เป็นวันที่ถือว่าระยะเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนเป็นครั้งที่สองของปี เกิดขึ้นเนื่องจากดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนเส้นศูนย์สูตรพอดี ในทางดาราศาสตร์ถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดฤดูร้อนและเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงสำหรับซีกโลกเหนือ ขณะเดียวกันก็เป็นจุดเปลี่ยนจากฤดูหนาวไปเป็นฤดูใบไม้ผลิสำหรับซีกโลกใต้
 
เราเรียกวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตรงทิศตะวันออกและตะวันตกครั้งแรกของปีว่า “วสันตวิษุวัต” มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต คำว่า วสันต-แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ และวิษุวัตแปลว่าจุดราตรีเสมอภาค (Equinox) ความหมายโดยรวมหมายถึงวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิเกิดขึ้นประมาณวันที่ 20-22 มี.ค.ของทุกปี ส่วนวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตรงทิศตะวันออกและตะวันตกครั้งที่สองของปี เรียกว่า “ศารทวิษุวัต” คำว่า ศารท (อ่านว่า สา-ระ-ทะ) แปลว่าฤดูใบไม้ร่วง ความหมายคือวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืนในฤดูใบไม้ร่วง เกิดขึ้นประมาณวันที่ 22-24 ก.ย.ของทุกปี
 
วิษุวัตทั้งสองครั้งของปีคือวันที่ดวงอาทิตย์ส่องตรงลงบนแนวเส้นศูนย์สูตรของโลก สถานที่บนโลกที่อยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรจะเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเหนือศีรษะในเวลาเที่ยง ทุกที่บนโลก ยกเว้นที่ขั้วโลก วันนั้นดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออกพอดีและตกตรงทิศตะวันตกพอดี คำว่าตรงทิศหมายความว่าเป็นทิศ ซึ่งทำมุมตั้งฉากกับแนวเหนือ-ใต้ ส่วนใหญ่ตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในวันอื่นๆ ของปีจะไม่อยู่ตรงทิศ เบี่ยงเบนไปทางซ้ายหรือขวาของทิศจริง
 
ส่วนใหญ่แสงจากดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่องตรงลงบนแนวเส้นศูนย์สูตรของโลก เพราะแกนหมุนของโลกเอียงทำมุมกับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 23.5 องศา การเอียงของแกนหมุนเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฤดูกาล และส่งผลต่อตำแหน่งของดวงอาทิตย์ที่เรามองเห็นได้บนท้องฟ้าในแต่ละวัน
 
ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยดวงอาทิตย์มีตำแหน่งค่อนไปทางทิศเหนือมากกว่าฤดูอื่นๆ ระยะเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้าด้วยระยะเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ ขั้วโลกใต้หันออกจากดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือจึงเป็นฤดูร้อน ส่วนซีกโลกใต้เป็นฤดูหนาว นอกจากนี้ตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นก็ไม่ตรงกับทิศตะวันออกพอดี แต่เบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนตำแหน่งดวงอาทิตย์ตกก็ไม่ตรงกับทิศตะวันตกพอดี แต่เบนไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
 
แม้ว่าทั้งวสันตวิษุวัตและศารทวิษุวัตหมายถึงวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืน แต่ในความเป็นจริงโลกมีบรรยากาศ แสงอาทิตย์เกิดการหักเหผ่านบรรยากาศโลก ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็นและตกช้ากว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย นอกจากนี้ดวงอาทิตย์ยังมีขนาดใหญ่จนปรากฏเป็นดวงกลมสว่าง เวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตกหมายถึงจังหวะที่ขอบด้านบนสุดของดวงอาทิตย์แตะกับเส้นขอบฟ้า ทำให้ในวันวิษุวัตทั้งสองครั้งมีระยะเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืนเล็กน้อย ตัวอย่างของเหตุการณ์นี้ดูได้จากจากเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น-ตกในวันที่ 23 ก.ย. 2561 วันนั้นคำนวณพบว่าที่กรุงเทพฯ ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.07 น. และตกเวลา 18.14 น. ส่วนวันที่เวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตกห่างกัน 12 ชั่วโมงพอดีสำหรับกรุงเทพฯ จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ต.ค. 2561
 
หลังจากวันศารทวิษุวัต ตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นจะยังคงขยับไปทางขวามือมากขึ้นทุกวันเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ตำแหน่งดวงดวงอาทิตย์ตกก็ขยับไปทางซ้ายมือมากขึ้นเช่นกัน การเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นและตกอย่างต่อเนื่องเช่นนี้จะดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดที่ปลายเดือน ธ.ค. เป็นจังหวะที่ขั้วโลกเหนือเบนออกจากดวงอาทิตย์มากที่สุด หลังจากนั้นตำแหน่งขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าจึงค่อยๆ ถอยกลับมาทางเหนือมากขึ้น ผ่านจุดทิศตะวันออกและตะวันตกอีกครั้งในวันวสันตวิษุวัตของปี 2562
 
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (16-23 ก.ย.)
 
ประเทศไทยยังอยู่ในฤดูฝนซึ่งส่วนใหญ่ท้องฟ้ามักมีเมฆมาก แต่หากวันใดท้องฟ้าเปิด เวลาหัวค่ำเรายังคงมีโอกาสมองเห็นดาวเคราะห์สว่าง 4 ดวง ประกอบด้วย ดาวศุกร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และดาวอังคาร ซึ่งทั้งหมดเป็นดาวเคราะห์ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
ดาวศุกร์สว่างที่สุดปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาวทางทิศตะวันตก เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดาวสว่างที่อยู่สูงกว่าค่อนไปทางซ้ายมือเล็กน้อยคือ ดาวพฤหัสบดี อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง กลางสัปดาห์นี้ ดาวศุกร์กับดาวพฤหัสบดีอยู่ห่างกันประมาณ 15 องศา ระยะถัดไป ทั้งคู่จะอยู่ใกล้กันมากกว่านี้อีกเล็กน้อย โดยใกล้กันที่สุดในปลายเดือน ก.ย. ที่ระยะ 14 องศา หลังจากนั้นดาวศุกร์เคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นจนหายไปจากท้องฟ้าเวลาหัวค่ำก่อนจะถึงกลางเดือน ต.ค. เราจะไม่มีโอกาสเห็นดาวศุกร์พร้อมกับดาวพฤหัสบดีอีกจนกระทั่งดาวเคราะห์สว่างทั้งสองย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดในปลายเดือน ธ.ค.
 
ดาวเคราะห์อีกสองดวงที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลาหัวค่ำคือดาวเสาร์กับดาวอังคาร ดาวเสาร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศใต้ในกลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวนี้มีดาวสว่างเรียงกันเป็นรูปคล้ายกาต้มน้ำ ดาวเสาร์มีตำแหน่งอยู่สูงเหนือขึ้นไปเล็กน้อย ดาวสีส้มที่เห็นอยู่ทางซ้ายมือของดาวเสาร์คือดาวอังคาร ยังคงอยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล ห่างดาวเสาร์ประมาณ 30 องศา หรือราว 3 เท่าของขนาดกำปั้นของเราเมื่อกำมือแล้วเหยียดแขนออกไปให้สุด
 
ดาวเคราะห์ที่อยู่ทางทิศตะวันตกมากที่สุดในเวลาหัวค่ำมีเวลาสังเกตได้สั้นที่สุด ดาวศุกร์จึงตกลับขอบฟ้าก่อนดวงอื่น กลางสัปดาห์ตกเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ตามด้วยดาวพฤหัสบดี ซึ่งตกหลังดาวศุกร์ประมาณหนึ่งชั่วโมง ดาวเสาร์ตกลับขอบฟ้าตามไปในเวลาเที่ยงคืนเศษ ส่วนดาวอังคารผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าในเวลา 2 ทุ่มครึ่ง-3 ทุ่ม สังเกตเห็นได้จนใกล้ตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 2 ครึ่ง
 
สัปดาห์นี้เป็นข้างขึ้น ดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำของทุกวัน สว่างครึ่งดวงในวันจันทร์ที่ 17 ก.ย. คืนนั้นดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวเสาร์ที่ระยะ 3 องศา วันที่ 18 และ 19 ก.ย. จะเห็นดวงจันทร์อยู่ระหว่างดาวเสาร์กับดาวอังคาร วันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ย. ดวงจันทร์เคลื่อนไปอยู่ใกล้ดาวอังคารที่ระยะ 5 องศา ส่วนสว่างของดวงจันทร์เพิ่มขึ้นทุกวันจนสว่างเต็มดวงในต้นสัปดาห์ถัดไป
 
สถานีอวกาศนานาชาติ หรือไอเอสเอส โคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 400 กิโลเมตร ปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบ โดยมีลักษณะเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดหรือหัวค่ำ สัปดาห์นี้มีโอกาสเห็นได้หลายครั้งที่น่าสนใจมีดังนี้
 
วันอาทิตย์ที่ 16 ก.ย. 2561 กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 19.22 น. เคลื่อนสูงขึ้นโดยผ่านใกล้ดาวเสาร์และดวงจันทร์ก่อนจะถึงจุดสูงสุดเหนือศีรษะในเวลา 19.26 น. จากนั้นเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดการมองเห็นเมื่อสถานีอวกาศเข้าสู่เงามืดของโลกในอีก 1 นาทีถัดมา ขณะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่มุมเงย 39 องศา
 
 วันพุธที่ 19 ก.ย. 2561 สถานีอวกาศเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศเหนือในเวลา 05.15 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดในเวลา 05.17 น. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่มุมเงย 29 องศา สิ้นสุดการมองเห็นใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 05.20 น.
 
วันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ย. 2561 สถานีอวกาศเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกในเวลา 19.15 น. ขณะอยู่ใกล้ดาวศุกร์ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดในเวลา 19.18 น. ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มุมเงย 23 องศา สิ้นสุดการมองเห็นใกล้ขอบฟ้าทิศเหนือในเวลา 19.21 น.
 
วันศุกร์ที่ 21 ก.ย. 2561 สถานีอวกาศเริ่มปรากฏขณะออกจากเงามืดของโลกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเวลา 05.08 น. ที่มุมเงย 25 องศา จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ถึงจุดสูงสุดในเวลา 05.10 น. ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่มุมเงย 64 องศา สิ้นสุดการมองเห็นใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 05.13 น.

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!