posttoday

บทสวดปล่อยผีของพระเจ้าอโศกเมืองจีน

16 กันยายน 2561

พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (梁武帝) หรือเซียวเหยี่ยน แห่งราชวงศ์เหลียง (ค.ศ. 502-549)

โดย กรกิจ ดิษฐาน
 
พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ (梁武帝) หรือเซียวเหยี่ยน แห่งราชวงศ์เหลียง (ค.ศ. 502-549) ทรงเป็นฮ่องเต้ที่มีศรัทธาปสาทะในบวรพระพุทธศาสนามากที่สุดองค์หนึ่งของจีน ทรงรับศีลฆราวาสตลอดพระชนม์ชีพ มีพระบรมราชโองการสั่งห้ามการทำปาณาติบาต เข่นฆ่าชีวิตสัตว์สังเวยบรรพชน และยกเว้นโทษประหารชีวิต จนได้รับการถวายพระนามเป็น “ฮ่องเต้โพธิสัตว์”
 
ทั้งยังมีพระสมัญญานามว่า “พระเจ้าอโศกแห่งแผ่นดินจีน” เนื่องจากทรงปวารณาพระองค์ตามจริยาของพระเจ้าอโศกมหาราช บำรุงพระศาสนา ประกาศพระสัทธรรม และถือศีล มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ พระองค์ทรงโปรดการปฏิบัติตามจริยาของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ปรากฏในอโศกาวทาน หรือคัมภีร์อวทาน ถึงกับถวายนามให้แก่วัดแห่งหนึ่งในเมืองหนิงโป ว่า วัดพระเจ้าอโศก (วัดอายู่หวาง)
 
นอกจากนี้ ยังมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพระราชกิจในด้านศาสนาอีกมากมาย ล้วนแต่พิลึกพิลั่นน่าตื่นเต้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่พระองค์ทรงผนวชเป็นพระภิกษุถึง 3 ครั้ง จนข้าราชสำนักต้องนำทรัพย์สินไปไถ่พระองค์ให้ลาผนวชมากมาย นัยว่าเป็นอุบายในการถวายพระราชทรัพย์แก่ศาสนจักร
 
พระองค์ยังทรงนิยมสนทนาธรรม ศึกษาพระสูตร เล่ากันว่าทรงพบกับพระโพธิธรรม (ตั๊กม๊อ) พระสังฆนายกองค์แรกแห่งนิกายฉาน (เซ็น) เมื่อท่านจาริกถึงเมืองจีนใหม่ๆ แต่ฮ่องเต้มิเข้าใจปริศนาธรรม จึงเมินเฉยพระเถระเจ้า กว่าจะทราบความสำคัญของท่านก็สายเกินการณ์
 
ในตำนานนิกายเซน ที่บันทึกใน “คาถาบุราณร้อยแบบอย่าง” (頌古百則) เรื่องที่ 1 ชื่อเรื่องว่า “ว่างเปล่าไร้ขอบเขตของตั๊กม๊อ” (達磨廓然) กล่าวถึงการพบกันของมหาราชและพระธรรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ ดังนี้
 
พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ถามไต้ซือตั๊กม๊อว่า “อะไรคือคุณอันวิเศษสุดของอริยสัจสี่?
 
ตั๊กม๊อตอบว่า “ว่างเปล่าไร้ขอบเขตคือคุณวิเศษสุด”
 
เหลียงอู่ตี้ถามย้อนว่า “ที่คัดค้านข้านี่คือใคร”
 
ตั๊กม๊อตอบว่า “หาทราบไม่”
 
ฮ่องเต้ไม่เข้าพระทัย
 
ตั๊กม๊อจึงข้ามมหานทีไปยังแคว้นเว่ย ถึงวัดเส้าหลิน แล้วเข้าฌานหันหน้าเข้าหาผนังนาน 7 ปี
 
ภายหลังพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ระลึกถึงเรื่องนี้ จึงทรงถามเจ้ากรมพงศาวดาร ท่านเจ้ากรมกราบทูลว่า “ฝ่าบาทยังคงไม่เข้าพระทัยท่านผู้นั้นอีกหรือ”
ฮ่องเต้ตอบว่า “หาทราบไม่”
 
ท่านเจ้ากรมกราบทูลว่า “ท่านผู้นี้คือพระมหาสัตว์อวโลกิเตศวรจำแลงกายมาเพื่อสืบทอดพุทธธรรมจากจิตสู่จิต”
 
ฮ่องเต้สดับดังนั้นก็ทรงเสียพระทัยยิ่ง เตรียมส่งม้าเร็วไปเชิญท่านกลับมา แต่เจ้ากรมแย้งว่า
 
“ฝ่าบาทอย่าได้ส่งใครไปเชิญท่านมา แม้นส่งผู้คนทั่วหล้าไป ท่านก็ยังไม่หวนคืนมา”
 
จบตำนานแต่เพียงเท่านี้
 
นอกจากความเกี่ยวพันกับนิกายเซ็นที่เน้นการเจริญสติ พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ยังทรงเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนาในแง่ลี้ลับ โดยทรงพระราชนิพนธ์บทสวดขอขมากรรม เหลียงหวงเป่าชั่น (梁皇寶懺) ซึ่งใช้สวดในงานพิธีสวดอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ล่วงลับและภูติผีเร่ร่อน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันสารทจีน ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้
 
ตำนานเล่าว่า พระมเหสีจีฮุย (郗徽) ของพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ ทรงมีอุปนิสัยริษยาอาฆาตแค้น สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา 30 ปี จึงเกิดใหม่กลายเป็นอสรพิษใหญ่ตามผลกรรมที่ถูกโทสะครอบงำนั้น ต่อมาพระนางไปแจ้งเหตุแก่พระสวามีในพระสุบิน ครั้งฮ่องแต้ทรงทราบจึงทรงปรึกษากับพระเถระเป่าจื้อ (寶誌) พระเถระจึงเชิญพระสงฆ์ผู้มีคุณมา แล้วร่วมกับองค์ฮ่องเต้ รจนาบทสวดขอขมากรรมเหลียงหวงเป่าชั่นจำนวน 10 บทขึ้น
 
หลังจากประกอบพิธีสวดบทขอขมากรรมแล้ว พระมเหสีทรงปรากฏในพระสุบินอีกครั้ง แจ้งแก่พระองค์ว่า บัดนี้พระนางได้ไปบังเกิดในสุคติภพแล้ว จึงขอขอบพระทัยยิ่งในพระกรุณา
 
ผ่านมานานถึง 1,500 ปีแล้ว ทุกวันนี้พระอารามจีนนิกายเซ็นก็ยังสวดบทขอขมากรรม เหลียงหวงเป่าชั่น กันอยู่ในวันสารทจีน และวันเช็งเม้ง เพื่อช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณทั้งหลายจากอกุศลกรรม 

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ