ต้านล่าฉลามน่ารักๆ ของเด็กๆ ในฮ่องกง
กลายเป็นอีเวนต์ประจำปีที่มีการออกมารณรงค์อย่างต่อเนื่องสำหรับคนฮ่องกง ภาพการออกมารณรงค์แบบน่ารักๆ
โดย พริบพันดาว ภาพ เอพี
กลายเป็นอีเวนต์ประจำปีที่มีการออกมารณรงค์อย่างต่อเนื่องสำหรับคนฮ่องกง ภาพการออกมารณรงค์แบบน่ารักๆ โดยคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเด็กๆ และเยาวชนได้เข้ามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้นในสังคม
ธรรมเนียมของอาหารจีน ถือว่าซุปหูฉลามเป็นอาหารชั้นสูง มีความละเอียดละเมียดละไมในการปรุงและมีราคาที่แพงระยับ
การประท้วงและต่อต้านการค้าหูฉลามและการกินซุปหูฉลามในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังมีอย่างต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดก็มีเหล่าเด็กๆ ชาวฮ่องกงใส่เสื้อผ้าชุดฉลามออกมาร่วมกับกลุ่มนักกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ บริเวณใกล้กับภัตตาคารท้องถิ่นบนเกาะฮ่องกง
บรรดานักเรียกร้องสิทธิของสัตว์ได้เรียกร้องให้ภัตตาคารจีนหยุดขายซุปหูฉลาม โดยไม่ใส่ไว้ในเมนูอาหารในร้าน เพราะการล่าฉลามเพื่อที่จะตัดครีบมาทำซุปหูฉลามของชาวประมงมายาวนานหลายศตวรรษ ทำให้ฉลามมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลและมหาสมุทรสูงมาก
หูฉลาม หรือซุปหูฉลาม หรือฮื่อฉี่ ในสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นอาหารจีนที่มีชื่อเสียงและรู้จักกันดีอย่างหนึ่ง ประวัติของตำรับซุปหูฉลามนั้นย้อนไปได้ถึงสมัยราชวงศ์หมิง หรือเมื่อ 700 ปีที่แล้ว
ครีบของปลาฉลามนั้น มีลักษณะเป็นกระดูกอ่อนที่แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือฐานครีบและก้านครีบ ซึ่งเป็นกระดูกที่มีลักษณะเป็นเส้นๆ เพื่อช่วยให้ปลาฉลามสามารถแผ่ครีบออกได้ ซึ่งส่วนที่นำมาทำเป็นหูฉลามนั้นก็คือก้านครีบ ซึ่งต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง ตั้งแต่การตากแห้ง ต้มจนเปื่อย และขูดหนังทิ้งจนเหลือแต่กระดูกอ่อน โดยมีความเชื่อกันว่าหูฉลามที่นำมาต้มจนเปื่อยและตุ๋นจนได้ที่จะกลายเป็นอาหารวิเศษในการบำรุงร่างกาย แต่คุณค่าในทางอาหารแล้ว หูฉลาม 1 ชาม มีค่าเท่ากับไข่เป็ดฟองเดียวเท่านั้น
หูฉลามจัดว่าเป็นอาหารที่มีราคาแพง เป็นอาหารหลักในช่วงงานเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลตรุษจีน งานแต่งงานในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และอีกหลายประเทศที่มีชาวจีนอาศัยอยู่ อาทิ สิงคโปร์ ไทย
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับหูฉลาม ซึ่งมักจะนำไปปรุงเป็นซุปในงานเลี้ยงอาหารจีนราคาแพง แต่ทางการฮ่องกงสั่งห้ามการค้าผลิตภัณฑ์จากฉลาม ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
เมื่อปีที่แล้วรายงานของกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศ “ซี เชพเพิร์ด” ซึ่งระบุว่า ในปี 2560 ยังมีการขนส่งหูฉลามจำนวนมากไปยังฮ่องกง แม้จะมีคำสั่งห้ามก็ตาม มีการนำเข้าหูฉลามล็อตใหญ่ในฮ่องกง แม้สายการบินหลายแห่งจะประกาศไม่รับขนส่งหูฉลามแล้วก็ตาม โดยผู้ค้ายังคงลักลอบนำเข้าโดยติดฉลากปลอมเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นอาหารทะเลอื่นๆ
รายงานขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wildlife Fund-WWF) ระบุว่าในแต่ละปีมีฉลามกว่า 73 ล้านตัวถูกฆ่า และสายพันธุ์ฉลามต่างๆ มากกว่าร้อยละ 25 มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทั่วโลกมีการล่าปลาฉลามเพื่อตัดเอาครีบมาทำเป็นหูฉลามมากขึ้น และในปี 2010 มีสปีชีส์ปลาฉลามกว่า 180 สปีชีส์ ที่ถูกคุกคามเทียบกับปี 2000 ที่ถูกคุกคามเพียง 15 สปีชีส์ ในราคาขายปลีกกิโลกรัมละหลายร้อยดอลลาร์
กลุ่มชาติที่นำเข้าหูฉลามมากที่สุดคือ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซียและไต้หวัน ขณะที่หูฉลามนำเข้าส่วนใหญ่มาจากอินโดนีเซีย สเปน อินเดีย สหรัฐอเมริกา และอาร์เจนตินา ซึ่งปริมาณหูฉลามจากกลุ่มชาติเหล่านี้มากเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งโลก
ในปัจจุบันได้มีการรณรงค์จากหลายภาคส่วนให้มีการลดละการบริโภคหูฉลามมากขึ้น ทางด้านสมาคมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลฮ่องกง ระบุว่า มีการลดปริมาณการจำหน่ายหูฉลามในร้านอาหารลงกว่าครึ่งในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันจำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารจากสายพันธุ์ฉลามสีฟ้าเท่านั้น


