ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร คนดีของประเทศชาติและประชาชน
ด้วยความรู้ความสามารถที่โดดเด่น และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทุ่มเททำงานเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยความสุจริต
โดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
ด้วยความรู้ความสามารถที่โดดเด่น และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทุ่มเททำงานเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยความสุจริต เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับการพลังงานประเทศในอนาคต จากการเห็นแบบอย่างของข้าราชการที่ดี เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและไม่เคยมัวหมองด่างพร้อยของ ดร.ประเทศสูตะบุตร ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการสำนักงานพลังงานแห่งชาติ และอดีตอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ผู้มีคุณูปการอย่างมากมายต่อการสร้างความมั่นคงและความก้าวหน้าของการพลังงานของไทยมาตลอดชีวิต
ทำให้ ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้เป็นทายาท ซึ่งมีความโดดเด่นในความรู้ความสามารถความซื่อสัตย์สุจริต และมุ่งมั่นตั้งใจรับราชการเดินตามรอยพ่อ เพื่อสร้างความก้าวหน้าและมั่นคงแก่ระบบพลังงานของประเทศ จนสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ขุมทรัพย์ใหญ่ของกระทรวงพลังงาน ในปี 2558 ในวัยเพียง 46 ปี และเป็นข้าราชการในกระทรวงพลังงานคนแรกของกระทรวงพลังงานที่ได้รับเลือกให้เป็นข้าราชการดีเด่นของกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ปี 2546 ในขณะอายุเพียง 35 ปี
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร เกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2512 เป็นบุตรคนที่ 2 ในพี่น้อง 3 คนของ ดร.ประเทศ สูตะบุตร และ ม.ล.พูนแสง ลดาวัลย์ สูตะบุตร ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ (โยธา) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทมหาบัณฑิต (Soil Mechanic) จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ปริญญาเอกวิศวกรรมดุษฎีบัณฑิต (Civil Environmental Engineering) ด้วยทุนของรัฐบาลไทย ตามความต้องการของกรมทรัพยากรธรณี เมื่อจบการศึกษาแล้ว ในปี 2542 ก็เข้ารับราชการเป็นวิศวกรปิโตรเลียมกองเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมทรัพยากรธรณี และทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง บริษัท ปตท. ในปี 2545 เป็นผู้ช่วยเลขานุการจัดทำรายละเอียดการจัดตั้งกระทรวงพลังงาน และเป็นหัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักนโยบายยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงพลังงาน และรองโฆษกกระทรวงพลังงาน ปี 2549 เป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน ปี 2550 เป็นผู้อำนวยการส่วนสื่อสารและการยอมรับสาธารณะ สำนักพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ กระทรวงพลังงาน ปี 2550 เป็นโฆษกกระทรวงพลังงานครั้งที่ 1 และเป็นรองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ปี 2559 เป็นรองปลัดกระทรวงพลังงาน ปี 2558 เป็นโฆษกกระทรวงพลังงานครั้งที่ 2 และปี 2558 จนปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
ตลอดระยะเวลาที่รับราชการมาตั้งแต่ปี 2542 มาจนบัดนี้ ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร มีผลงานมากมายที่สร้างคุณค่าและประโยชน์ให้แก่วงการพลังงานไทย ขอยกตัวอย่างผลงานที่ ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ทำไว้ในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จากปี 2558-2561 ว่ามีอะไรบ้าง ให้ผู้คนในชาติบ้านเมืองนี้ที่ยังหวังจะเห็นอนาคตที่ยังไม่หมดหวังของชาติบ้านเมืองช่วยกันพิจารณาดังต่อไปนี้
สร้างสรรค์นโยบายพลังงานใหม่ เช่น นโยบาย “Energy 4.0” ที่เป็นนโยบายหลักที่กำหนดเป้าหมายเชิงนวัตกรรมด้านพลังงานสำหรับประเทศไทย ได้แก่
1.ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จไฟฟ้า กำหนดเป้าหมายส่งเสริม EV = 1.2 ล้านคัน ใน 20 ปี พร้อมทำงานร่วมกับ 3 การไฟฟ้าบีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรม ในการผลักดันนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และส่งเสริมการลงทุนในกิจการสถานีชาร์จไฟฟ้า จนปัจจุบันเริ่มมีเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนแล้วหลายรอบ
2.เทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ส่งเสริมทุนวิจัยและพัฒนาโดยผ่านกลไกการบริหารของ สวทช. ทำให้เกิดความตื่นตัวและสนใจแก่นักวิจัยที่ตั้งใจจะพัฒนาเทคโนโลยี Energy Storage หรือ Battery ในประเทศไทย จนนำไปสู่การเตรียมการจัดตั้งโรงงานต้นแบบเพื่อผลิต Battery ที่ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่รองรับการเจริญเติบโตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต
3.โรงไฟฟ้ารูปแบบผสมผสาน หรือ Hybrid-Firm Power Plant พัฒนานโยบายการเปิดรับซื้อไฟฟ้าในแบบประมูล หรือ FiT Bidding โดยกำหนดเงื่อนไขให้โรงไฟฟ้าสามารถใช้เชื้อเพลิงแบบผสมผสานด้วยพลังงานทดแทนหลายรูปแบบ ถือเป็นมิติใหม่ในวงการพัฒนาโรงไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่เอกชนลงทุนเอง ภายใต้กติกาของการแข่งขันที่เข้มข้น
4.นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จัดให้มีการแข่งขันประกวดแบบการพัฒนาเมืองและกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะมีการทดสอบนำร่องในรูปแบบ Sand Box โดยเมืองอัจฉริยะดังกล่าวจะมีระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ Smart Grid เป็นแกนหลักของการพัฒนาในรูปแบบใหม่ เช่น เมืองใหม่ใน EEC เป็นการนำนวัตกรรมใหม่ด้านพลังงานมาผสมผสาน เพื่อตอบสนองชีวิตในยุค Digital ของสังคมไทย
ยกร่าง“พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง”
ศึกษาและยกร่างกฎหมายใหม่ เพื่อยกระดับกลไกการทำงานของ “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” ให้มีความชัดเจนและสร้างระบบเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันการนำ “นโยบายประชานิยมด้านพลังงาน” มาใช้โดยอาศัยกองทุนน้ำมันฯ นี้
ปรับโครงสร้าง“กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน”
ริเริ่มแนวคิดภายใต้นโยบายของ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่จะปรับโครงสร้าง “กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” ให้เกิดความชัดเจนในบทบาทระหว่าง “หน่วยจัดการกองทุน” และ “ผู้ขอรับการจัดสรร”
พัฒนานวัตกรรมในการบริหารงานของภาครัฐ
1.พัฒนาระบบการประเมินผลการประหยัดพลังงานภาครัฐด้วย EUI (Energy Utilization Index)
2.พัฒนาระบบสืบค้นข้อมูลและมติการประชุม กพช./กบง.
นโยบาย“ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในกิจการพลังงาน”
1) กำหนดนโยบายใหม่สำหรับกิจการก๊าซธรรมชาติ (NG) และก๊าซหุงต้ม (LPG) เพื่อลดการผูกขาดส่งเสริมบทบาทภาคเอกชน และกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐ (ในที่นี้คือ ปตท.) เพื่อสามารถกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) ศึกษา ร่วมกำหนด KPI ให้แก่ 3 การไฟฟ้า ที่จะให้มีมาตรการส่งเสริมการค้า-ขาย ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ในอนาคต (Electricity Trading Platform)
3) ปรับโครงสร้างราคา โครงสร้างภาษี และการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในทุกผลิตภัณฑ์พลังงาน (ทั้งน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า)
3.พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรับข้อเสนอโครงการที่ขอรับทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
4.พัฒนาระบบ Website เปรียบเทียบภาคน้ำมันอาเซียน ฯลฯ
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร เป็นข้าราชการที่มีความขยันขันแข็ง และทำงานหนักเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แล้วยังไม่เคยหยุดนิ่งต่อการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองและองค์กรที่รับผิดชอบอยู่ ดังจะเห็นได้จากการผ่านการฝึกอบรมในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
ปี 2545 ผู้นำคลื่นลูกใหม่ รุ่นที่ 3 สำนักงาน ก.พ.
ปี 2548 หลักสูตรนักบริหารพลังงานระดับสูง รุ่นที่ 2 กระทรวงพลังงาน
ปี 2548 Infrastructure in a Market Economics, Harvard University,Cambridge, USA
ปี 2551 หลักสูตรนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 61 สำนักงาน ก.พ.
ปี 2554 หลักสูตร TLCA ExecutiveDevelopment Program (EDP) รุ่นที่ 9 สถาบันวิทยาการตลาดทุน
ปี 2555 Advance Management Program (AMP) ณ สถาบัน INSEAD ประเทศฝรั่งเศส โดยทุนพัฒนาข้าราชการสำนักงาน ก.พ.
ปี 2556 หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT) รุ่น 6 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ปี 2558 หลักสูตร e-Government Executive Program #05 สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ. หรือ EGA)
ปี 2559 หลักสูตร “โฆษกกระทรวง”
ปี 2560 หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 24
ก.ค.-พ.ย. 2560 หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) รุ่นที่ 10
ก.พ.-มิ.ย. 2561 หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง : The Rule of Law and Development (Role) รุ่นที่ 2
ความเป็นคนเก่งคนดีมีความสามารถของ ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร นอกจากจะได้รับคัดเลือกให้เป็นข้าราชการดีเด่นตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว
ในปี 2553 ยังได้รับคัดเลือกเป็นวิศวกรดีเด่นของอาเซียนจาก The ASEAN Federation of Engineering Organizations
ปี 2556 ได้รับรางวัลเพชรพลังงาน กระทรวงพลังงาน รุ่นที่ 2
ปี 2556 ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการเสวนาทางความคิดในหัวข้อ “Transforming Cities” ของ Rockefeller Foundation เป็น 1 ใน 20 “Thought Leaders”
ปี 2558 ได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไทยดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2558
นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ คือ
ปี 2551-2553 กรรมการบริหารมูลนิธิส่งเสริมนวัตกรรมวิศวกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปี 2551-2553 กรรมการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม
ปี 2553-2554 กรรมการอิสระ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น
ปี 2554-2556 กรรมการบริหารสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปี 2556-2557 ที่ปรึกษาคณะกรรมการพลังงานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ปี 2557 กรรมการบริหารศูนย์อนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย
ปี 2557-2558 กรรมการ บริษัท ไทยออยล์
ปี 2558 กรรมการ บริษัท ปตท.
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง
กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
อนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนระบบราชการ 4.0 (ก.พ.)
อ.ก.พ.วิสามัญเกี่ยวกับการสร้างประสิทธิภาพด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงาน ก.พ.
นายกสมาคมนักเรียนเก่า สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)
นายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาล (สนร.)
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร เติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ใสสะอาด และมีความพอเพียง มีสำนึกต่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและส่วนรวม เป็นหลานตาของ ม.ร.ว.แสงสูรย์ ลดาวัลย์ข้าราชสำนักผู้ใหญ่ที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีจนตลอดชีวิต เป็นหลานยายของ คุณจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์จนตลอดชีวิตเช่นกัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร จะถูกหล่อหลอมมาให้เป็นข้าราชการผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณที่ข้าราชการทุกคนถวายสัจวาจาทุกปีว่า “จะประพฤติปฏิบัติเป็นข้าราชการที่ดี ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท จะมุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน และเสริมสร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน โดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของศาสนา และความถูกต้องตลอดไป”
แม้ในขณะนี้คนดีคนเก่งที่โดดเด่นอย่าง ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร กำลังเผชิญอยู่ในภาวะอันเลวร้ายจากข้อกล่าวหาและการสาดโคลนที่ไม่เป็นธรรม จากคนกลุ่มหนึ่งอันประกอบด้วยนักธุรกิจการเมือง นักการเมือง รวมหัวกับข้าราชการประจำที่มีสำนึกอันต่ำเตี้ยทางจริยธรรมและคุณธรรม กับสื่อที่ไร้ศักดิ์ศรีไร้จรรยาบรรณที่ต้องการแสวงผลประโยชน์จากขุมทรัพย์อันมหาศาลของกระทรวงพลังงานที่ ดร.ทวารัฐ กำกับดูแลอยู่ แต่ไม่สมหวัง จึงดำเนินการสร้างข่าวอันเป็นความเท็จ หวังสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชนและสังคมชาติแบบสอดรับกันอย่างเป็นขบวนการ และดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในการสร้างความเท็จอย่างง่ายดายให้แก่ผู้คนในสังคมไทยที่ไร้สติและขาดปัญญาเช่นในปัจจุบัน
จึงขอให้ข้าราชการดีเด่น คนเก่ง ที่มีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริตและพิสูจน์การทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและส่วนรวมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ดร.ทวารัฐสูตะบุตร จงมีความเข้มแข็ง อดทน อย่าหวั่นไหวกับความชั่วร้ายที่ผ่านเข้ามาให้ต้องเผชิญเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ขอให้เชื่อมั่นในคุณงามความดีที่ได้ปฏิบัติมาอย่างมั่นคงในชีวิตของการเป็นข้าราชการที่ดีของชาติบ้านเมืองและประชาชน และต้องเชื่อมั่นด้วยว่า
เมื่อถึงวันรุ่งของพรุ่งนี้ ฟ้าคงมีพรชัยให้กับเรา
ขอส่งความปรารถนาดีและขอขอบคุณคนทุกคนที่เป็นคนดีของประเทศชาติและประชาชน


