จักรพงศ์ ธรรมวิเศษศรี ปั้นสมาร์ทซิตี้ผู้สูงวัย

โดย โชคชัย สีนิลแท้  

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีและวิทยาการหลายด้านเจริญก้าวหน้ามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้กลุ่มผู้สูงอายุขยายตัว ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและบริการของลูกค้ากลุ่มนี้ขยายตัวมากขึ้นด้วย จึงทำให้หลายๆ คนมองเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการรองรับคนสูงวัยที่ไม่ใช่เป็นแค่สถานดูแลคนชรา

จุดนี้เองที่ทำให้ จักรพงศ์ ธรรมวิเศษศรี ประธานบริษัท ควินท์ เรล์ม ผู้พัฒนาโครงการควินทิลเลียน เบิร์ก เดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรองรับกับกลุ่มคนในวัยเกษียณ จึงได้ร่วมกับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจและนักวิชาการโดยใช้การสำรวจและวิจัยนาน 8 เดือนพบว่าควรพัฒนาเมืองสำหรับเพื่อคนสูงอายุในรูปแบบสมาร์ทซิตี้ ที่ลงลึกถึงความต้องการว่าคนสูงอายุในยุคใหม่ต้องการอะไร และสิ่งใดที่จะทำให้อยู่โดยปราศจากความกังวล จึงได้เกิดขึ้น โดยชื่อว่า โครงการบ้านพ่อแม่ของโลก ซึ่งเป็นชื่อเล่นของโครงการควินทิลเลียน เบิร์ก

จากสถิติพบว่าปัจจุบันตัวเลขผู้สูงอายุทั่วโลก ปี 2561 มีอายุ 60 ปีขึ้นไปอยู่ประมาณ 1,000 ล้านคน จากประชากรโลกกว่า 6,500 ล้านคน จากการสำรวจพบว่าประมาณ 2% เป็นคนที่มีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและต้องการเกษียณอายุในประเทศที่ตอบโจทย์ความต้องการเขาเหล่านั้นได้

“โจทย์ทางธุรกิจเริ่มจากการหาเพนพอยต์ก่อนแล้วค่อยมาสร้างอุปทาน โดยพบว่าชาวยุโรปไม่ว่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ได้ข้อมูลตรงกันว่าหากประเทศไทยสามารถสร้างองค์ประกอบเมืองเหล่านี้ได้ กลุ่มคนสูงวัยเขาก็ยินดีจะจ่ายเงินเดือนละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนบาท รวมทั้งค่าครองชีพและการดูแลสุขภาพ พอโจทย์นี้เกิดขึ้นมา จึงต้องพัฒนาเป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี จึงนำที่ดินใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี 3,200 ไร่ ซึ่งซื้อมาจากเจ้าของที่ดินรายเดียว ด้านหน้าโครงการเป็นทะลสาบ ส่วนด้านหลังเป็นภูเขา มาพัฒนาเป็นเมืองที่ผสานกับเทคโนโลยี รองรับกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้มูลค่าการลงทุน 3.5 หมื่นล้านบาท”

ทั้งนี้ รูปแบบการพัฒนาโครงการนั้นอยู่ระหว่างการวางมาสเตอร์แปลน โดยบริษัทสถาปนิกเอ 49 ที่ร่วมกับบริษัทสถาปนิกจากประเทศอังกฤษ ที่จะออกแบบแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.นี้ เบื้องต้นจะแบ่งออกเป็น 10 เฟส จำนวน 9,000 ยูนิต ก่อสร้างเฟสแรก จำนวน 950 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท
จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสปีนี้ ในรูปแบบสิทธิการเช่า 30 ปี และทยอยไล่สร้างไปเรื่อยๆ โดยใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการร่วมมือกับบริษัท ไชน่า เรียลเวย์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น มีการเซ็นสัญญาเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกันตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ก่อนที่จะลงมือพัฒนาบิ๊กโปรเจกต์นี้ จักรพงศ์ ยังได้การสำรวจกับชุมชนรอบข้างโครงการ พบว่าการให้เกิดโครงการรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี แนวคิดเหมือนกับการสร้างเมือง สร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันของคนหลากหลายเชื้อชาติ มีกิจกรรมรองรับและส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทย ถ้าหาก
ทุกจังหวัดมีโครงการรูปแบบนี้ จะเป็นการสร้างอาชีพ สถาบันการศึกษาผลิตบุคลากรมารองรับ จะเป็นการพลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศได้

ปัจจุบันมีการแบ่งลูกค้าออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุน และซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนจะเป็นกลุ่มสิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี ขณะที่บริษัทบริหารลักษณะไทม์แชริ่ง ขณะที่กลุ่มผู้อยู่อาศัยจริงจะมุ่งเน้นยุโรปเป็นหลัก บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการแห่งที่ 2 ที่ จ.เชียงราย เบื้องต้นกำหนดไว้ปี 2565 โดยจะพัฒนาไปพร้อมๆ กัน จะนำประสบการณ์จากการเปิดขายโครงการแรกมาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในรูปแบบร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน โดยวางแผนจะพัฒนาในหลายจังหวัดทุกภูมิภาคของประเทศ บนที่ดินขนาด 2,000 ไร่/หนึ่งโครงการ