posttoday

‘พระราชพิธีสิบสองเดือน’

15 กรกฎาคม 2561

พระราชพิธีที่มีมาในพระราชกำหนดกฎมนเทียรบาล ซึ่งได้ตั้งขึ้นแต่แรกสร้างกรุงทวารวดีศรีอยุธยาโบราณ

โดย  เพรงเทพ

“... พระราชพิธีที่มีมาในพระราชกำหนดกฎมนเทียรบาล ซึ่งได้ตั้งขึ้นแต่แรกสร้างกรุงทวารวดีศรีอยุธยาโบราณ แสดงพระราชพิธีประจำเดือน 12 เดือนไว้ว่า เป็นการซึ่งพระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทำ ว่าเป็นการเป็นมงคลสำหรับพระนครทุกปีมิได้ขาดนั้น คือ เดือนห้า การพระราชพิธีเผด็จศก ลดแจตรออกสนาม เดือนหก พิธีไพศาขย์ จรดพระราชนังคัล เดือนเจ็ด ทูลน้ำล้างพระบาท เดือนแปด เข้าพรรษา เดือนเก้า ตุลาภาร เดือนสิบ ภัทรบทพิธีสารท เดือนสิบเอ็ด อาศยุชยแข่งเรือ เดือนสิบสอง พิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคม เดือนอ้าย ไล่เรือ เถลิงพิธีตรียัมพวาย เดือนยี่ การพิธีบุษยาภิเษก เฉวียนพระโคกินเลี้ยง เดือนสาม การพิธีธานยเทาะห์ เดือนสี่ การพิธีสัมพัจฉรฉินท์...”

ข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของพระราชนิพนธ์คำนำในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อพิมพ์แจกสมาชิกหนังสือวชิรญาณ ของหอพระสมุดวชิรญาณ เมื่อปี 2431 หรือเมื่อ 130 ปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ทรงได้รับเลือกเป็นสภานายกประจำปี พระราชนิพนธ์เล่มนี้นับเป็นวรรณคดีชิ้นเอกเล่มหนึ่งของไทย

‘พระราชพิธีสิบสองเดือน’

พระราชนิพนธ์เล่มนี้นับเป็นแบบอย่างทั้งการเขียนความเรียง และตำราอ้างอิงที่สำคัญเกี่ยวกับพระราชพิธีของไทย ครั้นเมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งวรรณคดีสโมสรขึ้น พระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ยอดของความเรียงอธิบาย” นอกจากนี้ยังได้รับการจัดเป็นหนึ่งใน “หนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน” ในยุคปัจจุบัน

เนื้อหาในพระราชนิพนธ์เล่มนี้ว่าด้วยพระราชพิธีต่างๆ ที่จัดขึ้นทั้งในสมัยโบราณ และในสมัยที่ทรงแต่ง รวมหลายสิบพระราชพิธีด้วยกัน ทรงเล่าถึงพระราชพิธีต่างๆ ด้วยสำนวนภาษาที่ไม่เคร่งครัดอย่างตำรา ในสมัยใหม่อาจเรียกได้ว่า สารคดี

พระราชพิธีสิบสองเดือนเป็นหนังสือที่อ่านได้ไม่ยาก มีรายละเอียดของพระราชพิธีในส่วนต่างๆ อย่างครบถ้วน นอกจากทรงเล่าถึงพระราชพิธีตามตำรับโบราณแล้ว ยังทรงมีพระราชวินิจฉัยในเรื่องต่างๆ ได้อย่างแยบยล เป็นความเรียง อธิบายถึงพระราชพิธีต่างๆ ที่ทำเป็นประจำในแต่ละเดือน โดยทรงค้นคว้าและแต่งขึ้นทีละเรื่อง จนได้พระราชพิธีทั้งหมด 11 เดือน ขาดแต่เดือน 11 (ทรงเริ่มต้นที่เดือน 12 ก่อน) เนื่องจากติดพระราชธุระจนไม่ได้แต่งต่อจวบสิ้นรัชสมัย

‘พระราชพิธีสิบสองเดือน’

หยิบเอาบทความที่มีชื่อว่า “พระราชพิธีสิบสองเดือน : อรรถาธิบายแห่งความศิวิไลซ์และการจัดระเบียบจักรวาลวิทยาแบบสมัยใหม่ในพระราชพิธีของสยาม” (The Royal Twelve-Month Ceremonies : The Explanation of the Civilization and the Order of Modern Cosmology in Royal Ceremony of Siam) ของ อาทิตย์ ศรีจันทร์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ที่ตีพิมพ์ในวารสารรัฐศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2557) ซึ่งเป็นการศึกษาวรรณกรรมเรื่องพระราชพิธี 12 เดือน ในฐานะที่เป็นวรรณกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์จาก “สยามเก่า” สู่ “สยามใหม่” ได้มีการสรุปอย่างน่าสนใจว่า

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วรรณกรรมเรื่องพระราชพิธี 12 เดือน แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยการให้คำอธิบายแก่พระราชพิธีต่างๆ ด้วยวิธีการแบบใหม่ โดยเน้นความเป็นเหตุเป็นผลซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญของสังคมสมัยใหม่ได้อย่างชัดเจน

การอธิบายพระราชพิธีดังที่ปรากฏในพระราชพิธี 12 เดือน มีความแตกต่างไปจากการอธิบายพระราชพิธีในยุคจารีตที่ปรากฏในตามพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งเน้นการอธิบายด้วยตำนานหรือความศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงระเบียบจักรวาลวิทยาที่เปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งอธิบายด้วยหลักการของไตรภูมิ กล่าวคือ เป็นจักรวาลวิทยาที่เต็มไปด้วยเหตุและผลทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นมาจากวิธีคิดของชนชั้นนำที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ในบทส่งท้ายของบทความชิ้นนี้ชี้ว่า ในประวัติของวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีของสยามในยุคจารีตนั้น ขนบในการกล่าวถึงพระราชพิธีในวรรณกรรมประเภทต่างๆ นั้น ไม่เคยมีเล่มใดกล่าวได้อย่างเช่นพระราชพิธี 12 เดือน กล่าวคือ พระราชพิธีสิบสองเดือน มีการอ้างถึงที่มา สาเหตุของพระราชพิธีต่างๆ รวมทั้งอธิบายความเชื่อที่แฝงอยู่ในพระราชพิธีนั้นๆ ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล รวมถึงการอธิบายขั้นตอน รายละเอียดของการประกอบพระราชพิธีและตักเตือนความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

‘พระราชพิธีสิบสองเดือน’

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากอิทธิพลของตะวันตกที่เข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากการอังกฤษสามารถมีชัยชนะเหนือพม่าอาณาจักรที่เป็นคู่แข่งกันในภูมิภาค และจีนศูนย์กลางจักรวาลในโลกทัศน์ของชนชั้นนำสยามในอดีต เห็นได้จากในอดีตที่มีการส่ง “จิ้มก้อง”

เมื่อจีนพ่ายแพ้ให้แก่อังกฤษความสนใจของชนชั้นนำสยามจึงเปลี่ยนไปด้วยเหตุนี้ จึงมีการแสวงหาความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับตะวันตก อีกทั้งการยอมรับเอาเทคโนโลยี วิทยาการ และองค์ความรู้ต่างๆ ของตะวันตกเข้ามาในสยาม

ปฏิกิริยาและท่าทีของชนชั้นนำของสยามที่มีต่อตะวันตกนั้น มีท่าทีที่เป็นไปในทางที่ปรารถนาอยากจะเป็นเหมือนตะวันตกมากกว่าการระแวดระวังว่าตะวันตกจะเป็นภัยต่อตนเอง ตะวันตกเป็นเสมือนความแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจของชนชั้นนำสยาม

พระราชพิธี 12 เดือน แสดงให้เห็นความศิวิไลซ์ของสยามประเทศผ่านการอรรถาธิบายเรื่องพระราชพิธี ทั้งในด้านรูปแบบและเนื้อหาที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในบริบททางสังคมทั้งในสยามและนอกสยามในขณะนั้น

‘พระราชพิธีสิบสองเดือน’

ในด้านรูปแบบ การนำเสนอด้วยร้อยแก้วความเรียงนั้น สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ต้องการการอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลและเป็นขั้นเป็นตอน อีกทั้งความเรียงในพระราชพิธี 12 เดือน ยังเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่สนใจจะเข้ารับราชการในยุคสมัยดังกล่าวอีกด้วย

ส่วนในด้านเนื้อหา พระราชพิธี 12 เดือน เป็นการจัดระเบียบจักรวาลวิทยาแบบสมัยใหม่อย่างชัดเจน คือ เชื่อในศักยภาพของมนุษย์ที่เป็นผู้นำว่า เป็นผู้ก่อให้เกิดการพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น พระราชพิธี 12 เดือนเป็นการให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่างยุคจารีตกับยุคสมัยใหม่ได้อย่างชัดเจนในแง่ที่ว่า พระราชพิธีในยุคเก่าเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีอย่างไร และในยุคใหม่ทำอย่างไร เหตุใดจึงมีการปฏิบัติเช่นนั้น

ในบทความชิ้นนี้ผู้เขียน (อาทิตย์ ศรีจันทร์) พยายามแสดงให้เห็นว่าพระราชพิธี 12 เดือนนั้นแตกต่างไปจากวรรณกรรมหรือตำราที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีอย่างไร คุณค่าของวรรณกรรมเรื่องพระราชพิธี 12 เดือน คือ การพยายามแสดงให้เห็นความเป็นศิวิไลซ์ของสยามประเทศผ่านการแสดงความรู้เรื่องพระราชพิธี อีกทั้งยังแสดงให้เห็นการจัดระเบียบจักรวาลวิทยาแบบสมัยใหม่ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของอำนาจของพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยใหม่ได้อย่างชัดเจน

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา