12 ปี TFEX เคียงคู่ตลาดหุ้น
28 เม.ย.นี้ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX จะครบ 12 ปี
โดย บงกชรัตน์ สร้อยทอง
28 เม.ย.นี้ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX จะครบ 12 ปีที่อยู่เคียงข้างตลาดหุ้นและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ลงทุนได้ใช้บริหารความเสี่ยงจากการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2549
“เกศรา มัญชุศรี” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และกรรมการผู้จัดการ TFEX คนแรก ให้มุมมองถึงพัฒนาการที่ผ่านมาว่า จากจุดเริ่มต้นในผลิตภัณฑ์แรกคือ SET50 Index Futures จนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 9 ประเภท ที่ครอบคลุมสินค้าอ้างอิงตราสารทุน ตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยน และสินค้าโภคภัณฑ์ และเริ่มจากปริมาณการซื้อขายเพียง 161 สัญญา/วัน ถึงปี 2560 อยู่ที่ 3.24 แสนสัญญา/วัน และตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงปัจจุบันเฉลี่ย 4.6 แสนสัญญา/วัน ในบางวันที่ภาวะตลาดโดยรวมผันผวนมากปริมาณสัญญามีทะลุไป 1 ล้านสัญญา/วัน
ช่วงแรกอาจจะยังไม่ได้เป็นที่น่าสนใจของต่างชาติ แต่พอปี 2554 TFEX เริ่มขยับเข้าสู่ 50 อันดับแรกการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ทั่วโลกจนปี 2560 อันดับที่ 26 ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ (SET) เทียบมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 22 ของโลก หากนับตลาดอนุพันธ์อาเซียนอยู่อันดับสอง เป็นรองเพียงสิงคโปร์เท่านั้น แต่มีความแตกต่างกันโดยสิงคโปร์จะให้ซื้อขายสินค้าของประเทศอื่นทั้งหมด แต่ TFEX เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะในประเทศ
“TFEX เข้าสู่วัยที่พร้อมที่เติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นการเลือกใช้และวางระบบที่เป็นมาตรฐานสากลมาตั้งแต่แรก เมื่อเกิดการพัฒนาหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาทำให้มีหลักปฏิบัติได้ต่อเนื่อง หวังว่าในอนาคต TFEX น่าจะเป็นตลาดที่สามารถรองรับกับผลิตภัณฑ์
ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี หรือสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นและมีประโยชน์ต่อผู้ลงทุนได้” เกศรากล่าว
นอกจากนั้น ถ้าเป็นไปได้คือ อยากให้ TFEX สามารถทำหน้าที่และขับเคลื่อนช่วยเหลือประเทศเหมือนที่ผ่านมา ตลท.ก็ทำหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะปัจจุบันไทยยังมีตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายสินค้าแบบส่งมอบทันที (Spot) ที่มีประสิทธิภาพไม่เต็มที่ ทั้งที่เป็นประเทศที่มีสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนหนึ่ง งานนี้เป็นเรื่องใหญ่และไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ถ้าทำได้จะเป็นเรื่องดีมาก
“รินใจ ชาครพิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการ TFEX คนปัจจุบัน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จำนวนบัญชีที่ซื้อขายก็เพิ่มขึ้นเป็น 1.46 แสนบัญชี เทียบกับบัญชีตลาดหุ้น 1.5 ล้านบัญชี โดยสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน 90% มาจาก 3 ผลิตภัณฑ์คือ SET50 Index Futures Single Stock Futures และ Gold Futures โดยพัฒนาสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ มูลค่าการซื้อขายของ TFEX ในปัจจุบันคิดเป็นประมาณ70-75% ของมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้น SET ซึ่งถือว่าเป็นการที่เติบโตที่เคียงข้างและต่างเป็นส่วนที่สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันสถานะคงค้างของ TFEX เมื่อปี 2560 สูงถึง 2.81 ล้านสัญญา หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 1 ล้านสัญญา เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าผู้ลงทุนมีการถือสัญญามากขึ้น เพื่อทำกำไรและใช้บริหารความเสี่ยงมากขึ้น ถือเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนกว่าในอดีต
แผนงานที่ผลักดันให้เกิดขึ้นในปีนี้ที่สำเร็จแล้วคือ การที่ผู้ลงทุนสามารถใช้หุ้นเป็นหลักประกันในการซื้อขาย TFEX ซึ่งจะเริ่มจาก Single Stock Futures ก่อนที่จะขยายครอบคลุมไปยังหลักทรัพย์อื่นๆ หรือการส่งคำสั่งซื้อขายเข้าระบบได้โดยตรงไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์ (DMA) ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป้าหมายใหญ่คือต้องการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 11% นักลงทุนบุคคล 51% และนักลงทุนสถาบัน บัญชีโบรกเกอร์ และผู้ดูแลสภาพคล่อง 38%
“สิ่งที่พยายามให้เกิดขึ้นให้ได้คือ การเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขาย SET50 Index Option ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจและเป็นที่นิยมในต่างประเทศอยู่แล้ว โดยปี 2560 มีปริมาณสัญญาเฉลี่ย 4,433 สัญญา/วัน ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 6,300 สัญญา/วัน รวมถึงการปรับกระบวนการให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (SME) สามารถแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐได้จริงในทุกสิ้นวัน เพื่อใช้ USD Futures ในการบริหารความเสี่ยงการทำธุรกิจได้มากขึ้น จากเดิมที่ต้องรอให้สัญญาซื้อขายหมดอายุก่อนถึงจะแลกเปลี่ยนเงินอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารกรุงไทยเพียงแห่งเดียว ซึ่งถ้าแบงก์อื่นมีความสนใจก็สามารถมาร่วมเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องเพิ่มเติมได้ โดยขั้นตอนนี้จะเริ่มเห็นในไตรมาส 4 นี้” รินใจ กล่าว


