บ้านช่างทองสบช่องทองพุ่ง ปั้น‘โกลด์เดอรี่’บุกในนอก
น.ส.สรสิดา ชานนประภาส์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท สยามโกลด์แกลอรี่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับทองคำแบรนด์โกลด์เดอรี่ ในเครือบ้านช่างทองกรุ๊ป ตลาดเครื่องประดับทองคำเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และการซื้อเพื่อลงทุนของประชาชนทั่วไป ส่งผลให้ตลาดกลุ่มเครื่องประดับทองคำพรีเมียมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10%
ดังนั้น หลังจากผลิตและจำหน่ายแบรนด์โกลด์เดอรี่มาครบ 1 ปี จึงวางแผนปั้นแบรนด์และบุกตลาดอย่างเต็มที่ โดยจะเน้นการพัฒนาคอลเลกชันใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้น และตั้งเป้าบุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย
ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญากับเครือเซ็นทรัลในการนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจัดจำหน่ายในลักษณะเอกซ์คลูซีฟแบรนด์ 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, บางนา, พระราม 2, แจ้งวัฒนะ และชิดลม และจะเปิดเพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาที่ปิ่นเกล้าและหาดใหญ่ในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ โดยตั้งเป้าใน 2 ปี โกลด์เดอรี่จะมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องประดับทองคำพรีเมียม 30%
นอกจากนี้ ยังวางแผน 35 ปีจากนี้ จะขยายสาขาร้านให้เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง และขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% ใน 35 ปี จากปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 50 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของราคาทองนั้นมาจากค่าเงินบาท การถือครองและการลงทุนในตลาดทองคำที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ขณะที่ทิศทางราคาทองคำในปีนี้คาดว่าน่าจะเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1,300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์0 US$/ounce และปีหน้า 2554 อยู่ที่ 1,400 US$/ounce ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีอย่างมากในการลงทุนในทองคำ เนื่องจากค่าเงินบาทของไทยมีการแข็งตัว ทำให้ราคาทองคำภายในประเทศยังไม่ได้ขยับสูงขึ้นมาก
ล่าสุดในโอกาสฉลองครบรอบ 1 ปี โกลด์เดอรี่ ได้จัดให้ทำผลิตภัณฑ์เครื่องประดับทองคำแฮนด์เมดชุดพิเศษขึ้น ภายใต้แนวคิด
“The Fifth Element of Identity” ซึ่งได้รับแรงบันดานใจในการออกแบบจากธาตุทั้ง 4 ผสานกับอัญมณีที่เป็นเสมือนตัวแทนของแต่ละธาตุ (ดิน น้ำ ลม และไฟ)ส่วนราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนของผู้ผลิตเครื่องประดับทองคำในขณะนี้นั้น นางสาว สรสิดา กล่าวว่า ในส่วนของ โกลด์เดอรี่ เองถือว่าไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้ผ่านทาง โกลด์ ฟิวเจอร์ส อีกทั้งกลุ่มธุรกิจของบ้านช่างทองกรุ๊ป ยังเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจทองคำที่ดำเนินงานครบวงจร คือ ตั้งแต่การนำเข้า ผลิต และจำหน่ายเครื่องประดับ อีกทั้งยังมีการลงทุนในทองคำแท่งภายใต้บริษัท ออสสิริส และบริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส ซึ่งดำเนินธุรกรรมการค้า โกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่เป็นโบรกเกอร์เองด้วย ทำให้จัดว่าเป็นอีกข้อได้เปรียบสำคัญเหนือคู่แข่งในธุรกิจนี


