posttoday

ขึ้นทะเบียน ‘แข่งวัวเทียมเกวียน’ มรดกทางวัฒนธรรมเมืองเพชร

15 เมษายน 2561

การแข่งวัวเทียมเกวียนนั้นนับว่าเป็นกีฬาพื้นบ้านของชาว

โดย ไชยวัฒน์  สาดแย้ม

การแข่งวัวเทียมเกวียนนั้นนับว่าเป็นกีฬาพื้นบ้านของชาว จ.เพชรบุรีที่สืบทอดมายาวนานหลายชั่วอายุคนแล้ว หลังฤดูเก็บเกี่ยว ท้องนาในพื้นที่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสนามประลองความเร็วของการแข่งขันวัวเทียมเกวียนเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือน ก.พ.

ใช่เพียงแต่คนบ้านลาด แต่ชาวเพชรบุรีจากทุกอำเภอ หลายตำบล หลายหมู่บ้านทั่วทั้งจังหวัด ต่างนำเอาวัวเทียมฝีเท้าดีที่ได้ฝึกฝนให้วิ่งได้เร็วดั่งสายลมเจ้าพายุมาลงสนามพร้อมกับเกวียน เพื่อแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนกลายเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของชาวเมืองเพชรบุรีในทุกๆ ปี ที่ถูกสร้างสรรค์จนเป็นที่ถูกอกถูกใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จนโด่งดังไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศหลากหลาย สำนักต่างให้ความสนใจ

นอกจากการแข่งขันวัวเทียมเจ้าความเร็วแล้วก็ยังมีการโชว์วัวเทียมเกวียนประเภทสวยงาม สำหรับการประกวดวัวเทียมเกวียนประเภทนี้ จะให้วัวที่เข้าประกวดเดินไปรอบสนาม ส่วนเกวียนที่ใช้แต่ละเล่มก็จะสังเกตได้ว่าเป็นเกวียนที่ตกแต่งกันมาอย่างสวยงาม แม้แต่เขาวัวก็มีการประดับประดากันอย่างสวยงามแบบสุดฝีมือ

ขึ้นทะเบียน ‘แข่งวัวเทียมเกวียน’ มรดกทางวัฒนธรรมเมืองเพชร

วีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม บอกว่า คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เห็นชอบประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2561 จำนวน 18 รายการ เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญของชาติ และเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนให้เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตน รวมทั้งเป็นการปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ นำไปสู่การสร้างความรู้ความเข้าใจเห็นคุณค่ายอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ก่อให้เกิดการส่งเสริมรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

“การประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเพื่อเสนอขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี 2561 เมื่อ 14 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น มีรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 18 รายการ ผ่านเกณฑ์การพิจารณา จากทั้งหมด 44 รายการ ซึ่งที่ประชุมบอร์ดได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบรายการมรดกฯ จำนวน 18 รายการ เพื่อประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี 2561 ใน 6 สาขา และหนึ่งใน 18 รายการนั้น ก็มีการเล่นพื้นบ้านหรือกีฬาพื้นบ้านของทางจังหวัดเพชรบุรีอยู่ด้วย นั่นก็คือ ‘การแข่งขัน วัวเทียมเกวียน’ ของจังหวัดเพชรบุรี”

ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ จะมีการจัดพิธีประกาศ พร้อมนิทรรศการสาธิตรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทั้ง 18 รายการ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ขึ้นทะเบียน ‘แข่งวัวเทียมเกวียน’ มรดกทางวัฒนธรรมเมืองเพชร

การแข่งขันวัวเทียมเกวียนเมืองเพชรบุรี ใช่แต่เฉพาะการเลี้ยง คัดเลือกพันธ์ุวัว และฝึกซ้อมฝีเท้าความเร็วเท่านั้น แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างเกวียนที่ใช้แข่งขัน

ในอดีต ช่างทำเกวียนเมืองเพชรที่มีชื่อเสียงคือ ลุงอ่าน ยิ้มรอด (ปัจจุบันเสียชีวตแล้ว) ชาวบ้าน ม.4 บ้านโพธิ์รอย ต.หนองกะปุ อ.บ้านลาด เคยทำหน้าที่สร้างเกวียนและตรวจซ่อมเกวียนที่เสียหายในการแข่งขันมาอย่างยาวนานนับเป็นสิบๆ ปี โดยลุงอ่านได้เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของการแข่งขันวัวเทียมเกวียนว่า มีมายาวนานแล้ว วัวเทียมเกวียน หรือที่ชาวบ้านลาดเรียกว่าวัวเกวียนนั้น ดูเหมือนจะเริ่มมาจากการที่ชาวบ้านเสร็จสิ้นจากฤดูการทำนาแล้วได้นำเอาเกวียนที่ไม่ได้ใช้งานแล้วเอามาวิ่งแข่งกัน โดยใช้สนามในบริเวณชายป่าหรือในนาข้าวที่เก็บเกี่ยวและปรับที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับพื้นที่ในการเล่นจะเรียกกันแบ่งเป็นสองส่วนคือหัวสนาม หรือจุดเริ่มต้น และท้ายสนาม คือจุดสิ้นสุดการแข่งขัน เดิมทีการเล่นนั้นจะมีการผลัดเปลี่ยนกันไปตามที่ต่างๆ มีเดิมพันกันบ้าง แค่เหล้าสักขวดสองขวดเท่านั้นเอง   

ต่อมาการแข่งขันวัวเทียมเกวียนได้มีการจัดแข่งขันขึ้นที่บริเวณหน้าเขาวังเป็นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในเวลาต่อมาทาง จ.เพชรบุรี ได้นำเอาไปจัดแข่งขันที่กลางท้องสนามหลวงในงานเทศการตรุษสงกรานต์ของกรุงเทพฯ นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการแข่งขันกีฬาวัวของเพชรบุรีเลยทีเดียว  จนในช่วงหนึ่งการแข่งขันได้หายไป จนในที่สุดก็ได้มีการรื้อพื้นการแข่งขันวัวเทียมเกวียนขึ้นมาใหม่เมื่อ พ.ศ. 2541 และทำกันมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

ขึ้นทะเบียน ‘แข่งวัวเทียมเกวียน’ มรดกทางวัฒนธรรมเมืองเพชร

ในการลงแข่งขันประลองความเร็ววัวเทียมเกวียนนั้น ต้องใช้คนคุมวัวนับสิบคนขึ้นไป บ้างก็ต้องช่วยกันประคองวัว บ้างก็ต้องใช้เชือกดึงเอาไว้กันหลุดวิ่งเตลิดหนีไป ไม่อย่างนั้นหากวัวหลุดไปก็ต้องวิ่งตามกันจนเหนื่อย หรือไม่ก็อาจจะวิ่งผ่าเข้าไปในวงคนดูได้ตลอดเวลา

เมื่อมาถึงในช่วงการประลองความเร็วของการแข่งขันวัวเทียมเกวียน เจ้าของวัวและคนคุมวัวต้องช่วยกันเข็นหรือลากเกวียนมายังจุดเริ่มต้นการแข่งขัน ซึ่งการลากเกวียนก็ไม่หนักหนามากนัก แต่การคุมวัวออกมายากเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะต้องยึดไว้ให้ดี จากนั้นจะนำวัวไปผูกเข้ากับแอกซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเกวียนซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควร

การแข่งขันจะแข่งกันรอบละ 2 เล่ม เกวียนแต่ละเล่มจะเทียมวัว 2 ตัว เข้าประจำในลู่ที่กำหนดแนวลู่ทั้งสองด้านจะมีแผงเหล็กปิดกั้นเป็นแนวยาวทั้งสองด้าน เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เข้ามาดูการแข่งขัน ซึ่งคณะผู้จัดได้เน้นย้ำให้ผู้ชมต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเอง

ความสนุกของการแข่งขันวัวเทียมเกวียนในแต่ละปี อยู่ตรงที่เมื่อวัวแต่ละคู่เริ่มออกจากจุดสตาร์ท เพราะผู้ควบคุมที่อยู่บนเกวียนจะต้องใช้ปฏักแทงลงบนหลังวัว เพื่อให้วัววิ่งเข้าสู่เส้นชัยให้เร็วที่สุด ว่ากันว่ายิ่งแทงปฏักมากและถี่เท่าไหร่วัวก็จะยิ่งวิ่งห้อตะบึงไปได้มากเท่านั้น เรียกว่าวิ่งกันจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั้งสนาม สลับกับเสียงพากย์และเสียงเชียร์จากขอบสนามทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกสนานเร้าใจ

ขึ้นทะเบียน ‘แข่งวัวเทียมเกวียน’ มรดกทางวัฒนธรรมเมืองเพชร

เมื่อวัวใกล้จะเข้าเส้นชัย ผู้คนที่ดูอยู่ด้านท้ายสนามก็ต้องพากันวิ่งแตกกระเจิงกันทุกครั้ง เพราะวัวที่เข้าแข่งขันก็ยังคงวิ่งพุ่งทะยานไปด้านหน้าจนกว่าจะหยุดมันไว้ได้ บางครั้งก็มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น อย่างเช่น เกวียนตีลังกา หรือไม่ก็วิ่งข้ามคันนาไปเลยก็มี หลายครั้งที่เกวียนพังไปตามๆ กัน

เรียกได้ว่าการแข่งขันวัวเทียมเกวียน สร้างทั้งความสนุกสนาน ตื่นเต้น ระทึกใจ ให้กับผู้เข้าแข่งขันและนักท่องเที่ยวที่ยืนลุ้นกันอยู่บริเวณขอบสนามจนมืดฟ้ามัวดินไปหมด ถึงแม้เกวียนบางเล่มจะพังก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นท้อถอยแต่อย่างใด ทุกคนก็จะเร่งระดมซ่อมเกวียนให้ใช้งานได้ บางครั้งถึงกับต้องถอดอะไหล่จากเกวียนเล่มอื่นๆ มาใส่แทนเพื่อให้ใช้แข่งขันได้ต่อไปในเวลาไม่นานนัก

การขึ้นทะเบียนให้การแข่งขันวัวเทียมเกวียน ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวที่ จ.เพชรบุรี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะหมายถึงภาคส่วนต่างๆ จะเข้ามามีส่วนสนับสนุน ให้การละเล่นพื้นบ้านนี้ได้มีโอกาสสืบสานต่อไป

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ