จิตตรัตน์เสนีย์ ทุ่มกว่า 5,000 ล. ขยายกิจการโรงแรม
ตระกูล จิตตรัตน์เสนีย์ ทุ่มเงินกว่า 5,000 ล้านบาท ขยายกิจการโรงแรม 5 ดาว 3 ดาว ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเกาะกระแสพัฒนาคอนโดระดับกลาง มูลค่า 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าแตะ 1,000 ล้านบาท
ตระกูล จิตตรัตน์เสนีย์ ทุ่มเงินกว่า 5,000 ล้านบาท ขยายกิจการโรงแรม 5 ดาว 3 ดาว ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเกาะกระแสพัฒนาคอนโดระดับกลาง มูลค่า 5,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าแตะ 1,000 ล้านบาท
นายจำเริญ จิตตรัตน์เสนีย์ ประธานกรรมการ บริษัท สุริวงศ์ รอยัล สวีท โฮเต็ล และผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของโรงแรม ทวินทาวเวอร์, ฮอลลิเดย์ อินน์ เกาะพีพี, สตาร์ โฮเต็ล เชียงใหม่ และ อันดามัน ไวท์ บีส ภูเก็ต เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ลงทุนเป็นเงินราว 5,000 ล้านบาท พัฒนาโรงแรมระดับ 3 ดาว 3 แห่งในประเทศไทย โดยให้ เครือโรงแรม เมเวนพิค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้บริหาร และโรงแรมระดับ 3 ดาว ให้เครือโรงแรม โกลเด้น ทิวลิป เป็นผู้บริหาร
ทั้งนี้การลงทุนดังกล่าว แบ่งเป็น 1,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงแรมเก่าในจังหวัดเชียงใหม่และจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ในปีหน้าในชื่อ เมอเวนพิค สุริวงศ์ โฮเต็ล เชียงใหม่ 1,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงโรงแรมที่เกาะสมุย โดยจะเปิดให้บริการได้ปลายปีหน้า ภายใต้ชื่อ เมอเวนพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดแม่น้ำ เกาะสมุย และอีก 2,000 ล้านบาท
ในการลงทุนสร้างโรงแรมใหม่บนถนนพญาไท กรุงเทพฯ คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2557 ภายใต้ชื่อ เมอเวนพิค โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเด้นส์ กรุงเทพฯ
ส่วนเงินอีกเกือบ 1,000 ล้าน ใช้ในการพัฒนาโรงแรมระดับ 3 ดาว ภายใต้ชื่อ ทิวลิป อินน์ ย่านศาลาแดง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในกลางปีหน้าเช่นเดียวกัน โดยราคาห้องพักจะอยู่ที่ 2,000 บาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นที่พักอาศัยแนวสูงหรือคอนโด โดยเตรียมงบลงทุนไว้ราว 5,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาคอนโดในกรุงเทพฯ จับกลุ่มลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป หรือมีราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้อย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
จากการลงทุนในปีนี้ บริษัทคาดว่าในปีหน้าบริษัทจะมียอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่มียอดขายราว 500 – 600 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรมและที่พักอาศัย 80% และอีก 20% มาจากธุรกิจอื่น” นายจำเริญ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับราคาห้องพักของโรงแรมที่เชียงใหม่จะอยู่ที่ 2,000 – 3,000 บาทต่อห้อง ส่วนที่สมุยอยู่ที่ 15,000 บาทต่อห้อง คาดว่าหากประเทศไทยไม่มีปัญหาการเมืองอีกจะส่งผลให้แต่ละโรงแรมสามารถคืนทุนได้ภายใน 8 ปี และในขณะนี้อัตราการเข้าพักของโรงแรมต่างๆ ก็ถยอยเพิ่มขึ้น โดยอัตราเข้าพักที่โรงแรม ทวินทาวเวอร์ และ สตาร์ โฮเต็ล เชียงใหม่ ในขณะนี้อยู่ที่ 50%
ส่วนอัตราการเข้าพักที่ ฮอลลิเดย์ อินน์ เกาะพีพี และ อันดามัน ไวท์ บีส ภูเก็ต อยู่ที่ 60%
ทางด้าน นายอังเดรอัส แมทมูลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เมอเวนพิค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ตะวันออกกลางและเอเชีย เปิดเผยว่า จำนวนโรงแรมในประเทศไทยทั้งใหม่และเก่าในขณะนี้นั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากจนอาจจะเรียกได้ว่าเกินความต้องการของตลาด แต่หากมองในระยะยาวจะเห็นได้ว่าประชากรในโลกมีอัตราเพิ่มสูงคน และคนในประเทศที่พัฒนาใหม่ เช่น อินเดีย และจีน เดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นแหล่งที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการเดินทางมา เมื่อถึงฤดูกาลท่องเที่ยวโรงแรมเหล่านี้จะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ


