หลวงพ่อตัมมัญญะ นักบุญเมืองพะอัน
เพิ่งเดินทางกลับจากเมืองพะอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ที่นี่เริ่มเป็นที่นิยมของแบ็กแพ็กเกอร์
โดย กรกิจ ดิษฐาน
เพิ่งเดินทางกลับจากเมืองพะอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ที่นี่เริ่มเป็นที่นิยมของแบ็กแพ็กเกอร์ เพราะมีของดีงามมากมาย ทั้งภูเขาซเวกะบินสูงสล้าง (บนยอดมีพระธาตุบรรจุพระเกศาธาตุและเศษข้าวพระพุทธทรงเสวย) มีแม่น้ำสาละวินกว้างสุดลูกหูลูกตาไหลผ่านป่าใหญ่และทิวเขาหินปูน (ฝรั่งบางคนบอกว่าสวยเท่ากับฮาลองเบย์) มีถ้ำพระสมัยอาณาจักรมอญ (เช่น ถ้ำพระหมื่นองค์เกาะโกน) มีวัดคะเจากะ และเป็นพระเจดีย์บนหินตั้งเอวคอดกิ่วกลางสระน้ำ 2 ชั้น ฯลฯ
เมืองพะอันนี้ นักวิชาการบางท่านเชื่อว่า น่าจะเป็นเมืองพัน ซึ่งพระเถระฝ่ายลังกาวงศ์มาพำนักก่อนเข้ามาประกาศศาสนาที่สุโขทัย-เชียงใหม่ เมืองนี้มีเค้ามากเพราะมีพุทธสถานมากมาย ในยุคสะเทิมจนถึงยุคเมาะตะมะ ล้วนแต่เป็นที่วิเวกเหมาะแก่การวิปัสสนากรรมฐาน
ของดีอีกอย่างของเมืองพะอัน คือหลวงพ่อตามะญะ หรือตัมมัญญะ (สามะญะ สยาดอ อู วินะยะ)
หลวงพ่อท่านอยู่ที่ตามะญะต่อง (วัดเขาตามะญะ) อยู่นอกเมืองระหว่างทางจากโจงโดมาพะอัน ท่านเกิดที่พะอันเมื่อ พ.ศ. 2455 มรณภาพ พ.ศ. 2546 รวมอายุได้ 93 ปี 73 พรรษา อุปสมบทที่เมาะละแหม่ง และเคยพำนักที่แม่สอด ต่อมาย้ายมาที่เขาตามะญะ นอกเมืองพะอัน ราว 40 กิโลฯ แล้วกลายเป็นพระป่าอยู่ที่นี่นับแต่นั้น ผู้คนจึงเรียกท่านว่า ตามะญะต่อง สยาดอ หรือหลวงพ่อวัดเขาตามะญะ
ท่านรู้ทั้งทางปริยัติและวิปัสสนา มีศิษยานุศิษย์ที่เป็นบรรพชิตมากมาย ที่สำคัญคือท่านมีเมตตาธรรมสูงล้ำ บารมีสูงส่ง วันๆ หนึ่งมีสาธุชนมากราบท่านวันละเป็นพันเป็นหมื่น แต่ทางวัดก็ยังเลี้ยงข้าวปลาไม่ขาด จนคนงงไม่หายว่าท่านได้ข้าวปลาอาหารมาจากไหนถึงพอเลี้ยงคนมากมายทุกๆ วัน เล่ากันว่า ท่านมีอภิญญาอธิษฐานบารมีจึงมีลาภสักการะหลั่งไหลไม่ขาดสาย บ้างก็ว่าผีแม่ย่าเขาตามัญญะโปรดท่านมากจึงประทานทองคำเท่าเรือ 7 ลำ ท่านจึงมีเงินทองมาเลี้ยงสาธุชนได้ไม่อั้น (ผีแม่ย่าองค์นี้เชื่อกันว่าเป็นดวงพระวิญญาณของพระนางเมาะตะมะ ราชินีของพระเจ้ามะนูหะ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรสุธรรมวดี)
วัดหลวงพ่อตัมมัญญะ ถือเป็นเขตอภัยทาน ในยุคที่รัฐกระเหรี่ยงยังไม่สงบ (ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่สงบเท่าไหร่) จึงถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้ที่หนีภัยการสู้รบ เป็นที่เลี้ยงดูผู้ตกทุกข์ได้ยากมากมาย ประมาณว่ากว่า 5,000 คน
นอกจากนี้ ท่านยังถือวัตรฉันมังสวิรัติ และทุกคนในเขตวัดต้องไม่ฉัน/กินเนื้อ และถือศีลห้า ไม่ถืออาวุธตามไปด้วย อาหารที่เลี้ยงญาติโยมก็เป็นอาหารมังสวิรัติ ว่ากันว่า ใครก็ตามที่ไม่สมาทานมังสวิรัติแล้วคิดจะมาวัดท่าน จะเกิดเหตุให้ไม่สามารถมาที่วัดได้ (เรื่องพระพม่าถือมังสวิรัตินี้เป็นความนิยมของระดับวิปัสสนาจารย์ใหญ่ๆ เช่น เลดีสยาดอ พระเถระเหล่านี้เป็นที่นับถือมาก ระดับผู้ปฏิบัติก็มักดั้นด้นไปเรียนธรรม ระดับชาวบ้านก็มักจะมาขอหวยท่าน ส่วนใหญ่ท่านเหล่านี้มักอยู่ป่า แต่พวกคอหวยก็มักจะไปตื้อท่านทุกงวดไป)
ชาวพม่าเชื่อกันว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ บ้างก็ว่าท่านมีอภิญญาสามารถหายตัวได้ มีเรื่องอภินิหารเกี่ยวกับหลวงพ่อมากมายเกินกว่าจะเล่าหมดในโพสต์เดียว แต่ท่านกล่าวว่า อภิญญามีไว้เพื่อให้พ้นสังสารวัฏ และในกาลต่อมาท่านก็ละโลกปัญญา (วิชาทางโลก เช่น โหราศาสตร์ เล่นแร่แปรธาตุ คงกระพันชาตรี) มุ่งแต่โลกุตระเป็นสำคัญ
มีปริศนาเกี่ยวกับหลวงพ่อตัมมัญญะ ที่บัดนี้ยังไม่กระจ่าง คือร่างสังขารของท่านถูกขโมยไปเมื่อ พ.ศ. 2551
ผู้ดูแลเล่าว่า มีไอ้โม่งกลุ่มหนึ่งนั่งรถเข้ามาจับตัวผู้ดูแล แล้วทุบโลงแก้วยกร่างสังขารท่านไป อีก 4 วันต่อมาทางวัดได้รับโทรศัพท์ลึกลับบอกว่า มีผู้เผาสังขารหลวงพ่อแล้วที่เจดีย์ชายวัด เมื่อไปถึงพบแต่เถ้ากับกระดูก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นของท่านจริงหรือไม่ ผู้คนร่ำลือกันว่า ผู้ที่ลงมือน่าจะเป็นพวกรัฐบาลทหารในขณะนั้น เนื่องจากพวกนี้เชื่อถือโชคลางเข้าหาหมอดู (เช่น หมอดูอีทีคนโปรดของทหารพม่า) บางทีพวกทหารอาจนำสังขารหลวงพ่อไปทำพิธีตัดไม้ข่มนาม หรือคุณไสยอะไรสักอย่างเพื่อหวังผลทางอำนาจบารมี
ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พวกนายทหารใหญ่ๆ เช่น ขิ่นยุ้นต์ พยายามมากราบท่านที่พะอัน แต่ท่านไม่โปรดอย่างมากทั้งยังตำหนิรัฐบาลทหารอย่างหนัก ขิ่นยุ้นต์เองเคยเสียหน้าเพราะท่านมาก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมถอย พยายามเข้าหา ถวายสมณศักดิ์ให้ ออกค่ารักษาพยาบาลให้ตอนที่ท่านมารักษาอาการอาพาธที่ย่างกุ้ง นายพลเนวินที่ตอนนั้นใกล้ตายเต็มทีก็ยังลากสังขารมากราบที่โรงพยาบาล
แต่แล้วเมื่อหลวงพ่อตัมมัญญะ ออกจากโรงพยาบาลท่านก็ดิ่งไปบ้านของอองซานซูจี ทันทีทั้งๆ ที่ตอนนั้นดอว์ซูจีถูกทหารคุมขังในบ้านพัก ทำให้พวกทหารเสียหน้าอย่างมาก (ลูกศิษย์หลวงพ่อเล่าว่า ท่านเคยใช้อภิญญาไปปรากฏตัวในบ้านของดอว์ซูจีโดยอภินิหารมาแล้ว)
เป็นที่รู้กันว่า หลวงพ่อตัมมัญญะโปรดดอว์ซูจีอย่างมาก อองซานซูจีก็เคยไปกราบท่านถึงที่พะอัน ส่วนหลวงพ่อก็ไปเยี่ยมถึงบ้าน (หรือคุก) จึงลือกันว่า พวกทหารคงต้องการร่างสังขารท่านไปทำพิธีข่มฝ่ายตรงข้าม แต่เท็จจริงอย่างไรไม่มีใครยืนยันได้ มีแต่เสียงเล่าลือกัน


