ดนตรีในหัวใจ
เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ธุรกิจบันเทิงที่มีมูลค่าสูงมากก็คือ ค่ายเพลงหรือค่ายเทป
โดย พรเทพ เฮง [email protected]
เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ธุรกิจบันเทิงที่มีมูลค่าสูงมากก็คือ ค่ายเพลงหรือค่ายเทป ที่ผลิตงานอัลบั้มของนักร้องและวงดนตรีร่วมสมัยออกมาและจัดจำหน่ายให้คนไทยได้เสพฟังกัน
ในสมัยนั้น ยุคทศวรรษที่ 2520-2530 ยอดขายเทปเฉลิมฉลองหลักล้านตลับกลายเป็นข่าวในหน้าบันเทิงอย่างสม่ำเสมอ ส่วนยอดขายเป็นหลายแสนหรือหลักหมื่นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้บรรดาบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์ความรุ่งเรืองทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในตลาดดนตรี ทำให้ทัศนคติที่เกี่ยวกับดนตรีหรือร้องเพลงที่ติดกับคำว่า “เต้นกินรำกิน” มายาวนานได้จางเลือนหายไป
เต้นกินรำกิน เป็นสำนวนดูแคลนคนสาขาอาชีพนี้ เนื่องจากเป็น อาชพีที่ถูกนำไปบำเรอแก่ผู้มีอิทธิพล สมัยก่อนมักเป็นนางรำ มีความงาม กิริยาแช่มช้อยกว่าคนทั่วไป ต่อมาหมายรวมยี่เก ลำตัด ปาหี่ การแสดงมหรสพและถูกกล่าวแบบตีขลุมทั้งวงการ โดยความหมายรวมว่า “มีรายได้ไม่แน่นอน มีความมั่นคงไม่คงเส้นคงวา ไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง หาความมั่นคงบั้นปลายชีวิตได้ยาก”
เหตุเพราะผู้ที่มีอาชีพเต้นกินรำกินในสมัยก่อนมักจะไม่ได้รับการศึกษาจึงมักจะถูกผู้ที่มีความรู้หลอกเอา และเมื่อมีรายได้เข้ามาก็ไม่รู้จักเก็บออมได้แต่ใช้จ่ายไปกับอบายมุขทั้งสุรา นารี พาชี กีฬาบัตร
ทัศนคติด้านลบก็ยังติดอยู่เด่นชัดและมาคลี่คลายตอนงานแบบพาณิชย์ศิลป์ของดนตรีหรือบทเพลงยอดนิยมสามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงอย่างมหาศาล
หลักหมายที่เด่นชัดเป็นผลพวงของธุรกิจดนตรีและอุตสาหกรรมบันเทิงเติบโต ก็คือการมีสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของวิชาดนตรีโดยเฉพาะ นั่นคือ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และต่อมาก็ขยายรับนักเรียนชั้น ม.ปลาย เพื่อเรียนเตรียมอุดมดนตรีเฉพาะทาง
รวมถึงการยอมรับการศึกษาดนตรีอย่างเต็มที่ มีสถาบันศึกษามากมายทั้งเก่าและใหม่ อาทิ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยดนตรีแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต สาขาวิชาดนตรีศึกษา ภาควิชาศิลปะดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์หาวิทยาลัย ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะดนตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) วิทยาลัยดุริยศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ฯลฯ
แม้ปัจจุบันธุรกิจดนตรี โดยเฉพาะค่ายเพลงต่างๆ ล้วนอยู่ในช่วงขาลงต้องเบนเข็มไปทำธุรกิจบันเทิงอื่นๆ เนื่องจากการไหลบ่าของเทคโนโลยีและพฤติกรรมการฟังเพลงในยุคดิจิทัลผ่านออนไลน์และสตรีมมิ่งที่มีโซเชียลมีเดียเป็นตัวเชื่อมประชาสังคมคนฟังเพลงออนไลน์รุ่นใหม่
การฟังเพลงเป็นการสื่อสารโดยตรง ระหว่างนักร้องและวงดนตรีกับคนฟังเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
เพราะฉะนั้น ตัวจริงเสียงจริงของนักร้องและวงดนตรีจึงมีโอกาสเกิดผ่านช่องทางนี้ มากกว่าสมัยหลายสิบปีที่แล้ว และเป็นยุคทองของการเรียนการสอนดนตรีที่เปิดกว้างมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย


