posttoday

จันทรุปราคาเต็มดวง 31 ม.ค. 2561

28 มกราคม 2561

คืนวันพุธที่ 31 ม.ค. 2561 ซึ่งเป็นคืนวันเพ็ญ ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงเป็นครั้งที่ 2

โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด

คืนวันพุธที่ 31 ม.ค. 2561 ซึ่งเป็นคืนวันเพ็ญ ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงเป็นครั้งที่ 2 ของเดือนนี้ ดวงจันทร์จะเคลื่อนผ่านเข้าไปในเงาของโลก เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง หากท้องฟ้าไม่มีเมฆบังดวงจันทร์ จะสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากทั่วประเทศ

จันทรุปราคาหรือจันทรคราสเกิดจากเงาโลกพาดลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์มีความสว่างลดลง แหว่งเว้า และเปลี่ยนเป็นสีแดงในกรณีที่เป็นการบังแบบหมดทั้งดวงที่เรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง เงาโลกมีสองส่วน ได้แก่ เงามืดและเงามัว เงามัวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าอยู่ล้อมรอบเงามืด เงามัวมีความทึบแสงน้อยกว่าเงามืด เมื่อดวงจันทร์อยู่ในเงามัว ดวงจันทร์จะมีความสว่างลดลงเพียงเล็กน้อย แทบไม่สามารถสังเกตได้

จันทรุปราคาในวันที่ 31 ม.ค. 2561 เริ่มต้นขึ้นเมื่อขอบด้านตะวันออกของดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวในเวลา 17.51 น. ณ เวลานี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังไม่เห็นดวงจันทร์ เพราะดวงจันทร์ยังไม่ขึ้นเหนือขอบฟ้า บริเวณด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างอุบลราชธานีและอำนาจเจริญ ดวงจันทร์เริ่มปรากฏเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แต่อาจยังไม่เห็นหรือเห็นได้ไม่ชัดเจน เพราะดวงอาทิตย์ยังไม่ตก

ผลการคำนวณที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์ขึ้นเวลา 18.09 น. เป็นเวลาที่ขอบด้านบนของดวงจันทร์เริ่มแตะขอบฟ้า แปลว่าดวงจันทร์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า (แต่ส่วนใหญ่เราจะไม่เห็นดวงจันทร์ที่เวลานี้ในทันที เพราะเมฆหมอกและฝุ่นควันอาจยังบังดวงจันทร์อยู่) ขณะที่ดวงอาทิตย์ตกในเวลา 18.18 น.

จันทรุปราคาเต็มดวง 31 ม.ค. 2561

ช่วงที่ดวงจันทร์เพิ่งขึ้นเหนือขอบฟ้าไม่นาน เราอาจเห็นดวงจันทร์เต็มดวงสว่างเป็นสีแดงหรือสีส้ม แบบเดียวกับที่เราเห็นดวงอาทิตย์เป็นสีแดงขณะเพิ่งขึ้นหรือใกล้ตก และมีรูปร่างเป็นทรงรีเล็กน้อย เนื่องจากถูกหักเหด้วยบรรยากาศโลกเมื่อเวลาผ่านไป ดวงจันทร์จะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นเหนือขอบฟ้า พร้อมกับสีที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและขาว เวลาประมาณ 18.20 น. หากท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกเปิดโล่งและไม่มีเมฆบังดวงจันทร์ เราอาจสังเกตได้ว่าบริเวณใกล้ขอบด้านล่างของดวงจันทร์เริ่มมืดสลัวลงเล็กน้อย เนื่องจากเงามัวกินลึกเข้าไปราวครึ่งหนึ่งของพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์

จันทรุปราคาบางส่วนเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงจันทร์แตะเงามืดในเวลา 18.48 น. (ที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์ยังอยู่ไม่สูงมากนักที่มุมเงยเพียง 5 องศา) แต่ก่อนหน้าเวลานี้ราว 5 นาที เราอาจสังเกตได้ว่าดวงจันทร์ดูเหมือนแหว่งไปเล็กน้อยแล้ว เป็นเพราะในความเป็นจริงเงามืดไม่ได้มีขอบเขตคมชัดอย่างที่แสดงในแผนภาพการเกิดจันทรุปราคา

เงามืดของโลกจะค่อยๆ คืบคลานเข้าบดบังดวงจันทร์มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป บังถึงราว 1 ใน 4 ส่วนที่เวลาประมาณ 19.05 น. บังครึ่งดวงที่เวลา 19.20 น. และบังราว 3 ใน 4 ส่วนที่เวลา 19.35 น. จากนั้นเมื่อใกล้เวลา 19.52 น. ซึ่งเป็นเวลาเริ่มต้นของจันทรุปราคาเต็มดวง เราอาจสังเกตได้ว่าส่วนที่มืดบนดวงจันทร์แท้จริงไม่ได้มืดเป็นสีดำสนิท แต่มีสีดำที่เจือด้วยสีน้ำตาลหรือแดง เห็นได้ชัดเมื่อสังเกตด้วยกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์

สีและความสว่างของดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงแตกต่างกันในจันทรุปราคาแต่ละครั้ง หากไม่คำนึงถึงตำแหน่งดวงจันทร์บนท้องฟ้าสำหรับผู้สังเกตแต่ละแห่ง ปัจจัยหลักที่มีส่วนเกี่ยวข้องคือความหนาแน่นของเมฆที่อยู่บริเวณแนวคั่นระหว่างด้านกลางวันกับด้านกลางคืนของโลกและตำแหน่งของดวงจันทร์เมื่อเทียบกับศูนย์กลางเงาโลก นอกจากนี้ การสังเกตจันทรุปราคาในอดีตยังแสดงว่าหากมีการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ ซึ่งทำให้เถ้าธุลีภูเขาไฟสะสมในบรรยากาศเป็นจำนวนมาก สามารถทำให้ดวงจันทร์มืดกว่าที่ควรจะเป็นได้

นักดาราศาสตร์มีวิธีบอกความสว่างและสีของดวงจันทร์ที่เห็นด้วยค่าแอล (L) ตามมาตราดังชง คิดค้นโดยอองเดร ลุย ดังชง นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส บอกเป็นตัวเลข กำหนดให้ L=0 เมื่อดวงจันทร์มืดมาก เกือบมองไม่เห็น L=1 เมื่อดวงจันทร์มืด มีสีเทาหรือน้ำตาล มองเห็นรายละเอียดบนพื้นผิวได้ยาก

L=2 เมื่อดวงจันทร์มีสีแดงเข้ม หรือสีสนิมเหล็ก บริเวณใกล้ใจกลางมืดมาก แต่ขอบดวงจันทร์สว่าง L=3 เมื่อดวงจันทร์มีสีแดงอิฐ ขอบเงามืดมีสีเหลืองหรือสว่าง และ L=4 เมื่อดวงจันทร์มีสีทองแดงหรือสีส้ม ดวงจันทร์สว่างมาก ขอบเงามืดมีสีฟ้าและสว่าง โดยค่านี้เปลี่ยนแปลงได้นับตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง

ช่วงที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวปู เหนือดวงจันทร์ขึ้นไปมีดาวสว่างหลายดวงในกลุ่มดาวหลายกลุ่มที่หลายคนรู้จัก เด่นที่สุดคือกลุ่มดาวนายพราน หรือที่คนไทยเรียกบางส่วนของกลุ่มดาวนี้ว่าดาวเต่าและดาวไถ กระจุกดาวลูกไก่อยู่เหนือศีรษะ หากสังเกตจากที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ กล้องสองตาสามารถส่องเห็นกระจุกดาวรังผึ้งในกลุ่มดาวปูอยู่สูงเหนือดวงจันทร์ประมาณ 5 องศา

จันทรุปราคาครั้งนี้ดวงจันทร์ทั้งดวงจะอยู่ในเงามืดนาน 1 ชั่วโมง 16 นาที โดยดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุดในเวลา 20.30 น. จันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดในเวลา 21.08 น. ขอบดวงจันทร์ด้านล่าง ค่อนไปทางขวามือจะเริ่มสว่างขึ้นเมื่อแสงขาวของดวงอาทิตย์ตกกระทบผิวดวงจันทร์อีกครั้ง เงามืดของโลกจะค่อยๆ เคลื่อนออกจากดวงจันทร์ มองเห็นดวงจันทร์แหว่งเนื่องจากเงามืดบังอยู่ราว 3 ใน 4 ส่วน ที่เวลาประมาณ 21.25 น. บังครึ่งดวงที่เวลา 21.40 น. และบังราว 1 ใน 4 ส่วน ที่เวลา 21.55 น.

จันทรุปราคาบางส่วนสิ้นสุดลงในเวลา 22.11 น. เวลานี้ดวงจันทร์กลับมาสว่างเต็มดวงแล้ว แต่เราจะสังเกตได้ว่าขอบด้านบนค่อนไปทางซ้ายมือของดวงจันทร์ยังมืดสลัวอยู่เล็กน้อย เนื่องจากดวงจันทร์ยังคงอยู่ในเงามัว สังเกตเห็นความสลัวของเงามัวบนผิวดวงจันทร์ได้จนถึงเวลาประมาณ 22.40 น. หลังจากนั้นปรากฏการณ์จะสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ออกจากเงามัวในเวลา 23.09 น.

จันทรุปราคาครั้งถัดไปหลังจากครั้งนี้จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 ก.ค. 2561 (รอสังเกตได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของคืนวันศุกร์ที่ 27 ก.ค.) โดยจันทรุปราคาเต็มดวงเริ่มต้นขึ้นในเวลา 02.30 น. และสิ้นสุดในเวลา 04.13 น. โอกาสเห็นสำหรับประเทศไทยอาจไม่ค่อยดีนักเนื่องจากเป็นกลางฤดูฝน สถิติในหลายปีที่ผ่านมาพบว่าจันทรุปราคาที่เกิดในช่วงนี้มักถูกเมฆบังเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากบังเอิญเป็นช่วงที่ฝนลดลง อาจพอจะสังเกตได้ในบางพื้นที่

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (28 ม.ค.-4 ก.พ.)

ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ เป็นดาวเคราะห์สามดวงที่เห็นได้บนท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด ดาวพฤหัสบดีสว่างโดดเด่นที่สุดในสามดวงนี้ ปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ดาวอังคารอยู่ต่ำลงมาเล็กน้อยในกลุ่มดาวเดียวกัน กลางสัปดาห์ดาวอังคารจะเคลื่อนเข้าสู่กลุ่มดาวแมงป่อง

ดาวเสาร์อยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้ามากที่สุดในกลุ่มดาวคนยิงธนู ช่วงนี้ดาวเสาร์ยังคงสว่างกว่าดาวอังคาร ระยะต่อไปจะสังเกตได้ว่าดาวเคราะห์สองดวงนี้ใกล้กันมากขึ้นทุกวัน พร้อมกับความสว่างของดาวอังคารที่เพิ่มขึ้น สว่างใกล้เคียงกับดาวเสาร์ในกลางเดือน มี.ค. และมีตำแหน่งใกล้กันที่สุดในต้นเดือน เม.ย.

ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างขึ้น ดวงจันทร์สว่างมากกว่าครึ่งดวงอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาหัวค่ำ วันที่ 30 ม.ค. ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดในรอบเดือน วันถัดไปเป็นวันเพ็ญ ตรงกับช่วงที่ดวงจันทร์มีตำแหน่งอยู่ใกล้ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง หลังจากนั้นเข้าสู่ข้างแรม เช้ามืดวันที่ 2 ก.พ.ดวงจันทร์จะผ่านใกล้ดาวหัวใจสิงห์ในกลุ่มดาวสิงโตที่ระยะห่างเพียง 1 องศา

ข่าวล่าสุด

จับตาประชุมอาเซียน ชี้ชะตาสงครามไทย–กัมพูชา จบหรือยืดเยื้อ