เปิดประตูสู่โลกใหม่ 'Meet the Locals'
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแพสชั่น ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับการเปิดพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นสาธารณะของ ชิษณุ
โดย รอนแรม ภาพ : Meet the Locals
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแพสชั่น ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับการเปิดพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นสาธารณะของ ชิษณุ เลี้ยงพันธุ์ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวผู้มีแพสชั่นเรื่องเดินทาง จึงสร้างพื้นที่เพื่อเก็บรูปถ่ายระหว่างทาง และเรื่องราวที่ประสบพบเจอมาผ่านเว็บไซต์ www.letsmeetthelocals.com และเพจเฟซบุ๊ก Meet the locals
หากแปลตรงตัว คำว่า Meet the locals หมายถึง “การพบเจอความเป็นท้องถิ่น” แต่ชิษณุเลือกใช้คำนี้ เพราะเขาเชื่อว่า ทุกครั้งที่ออกเดินทางจะได้พบกับตัวตนของสถานที่แห่งนั้น ผ่านความเป็นท้องถิ่นของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ผู้คน อาหาร วัฒนธรรม การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งภาษาพูดก็ตาม
“คำว่าโลคัลไม่ได้หมายถึงคนโลคัลเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอาหารท้องถิ่น พฤติกรรมของคน วิธีปฏิบัติ ธรรมเนียม ทุกครั้งที่ออกเดินทางเราจะนำตัวเองไปพบกับความโลคัลนั้น และเรามักจะปรับตัวเพื่อให้เข้ากับที่นั่น
อย่างคำทักทาย การแต่งกาย หรือพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อให้เรารู้สึกกลมกลืน ไม่แปลกแยก และสุดท้ายมันจะกลายเป็นการเปิดประตูเข้าหากัน”
ทริปแรกประเดิมการเปิดเว็บไซต์ เขาเลือกที่จะไปสัมผัสความเป็นโลคัลที่บ้านเกิด จ.ระนอง โดยเลือกมุมมองที่ยังไม่เคยมีใครเห็นในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่าง บ้านแหลมนาว
“แหลมนาวเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ไม่กี่สิบหลังคาเรือน ตั้งอยู่บนปลายแหลมที่ไม่มีถนนเข้าถึง การเดินทางต้องนั่งเรือเข้าไป ถูกล้อมรอบด้วยป่าโกงกาง ทุ่งหญ้า ป่าสนทะเล กั้นจากโลกภายนอกไว้ แต่ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันเปิดโฮมสเตย์และเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไปค้างคืน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตจริงๆ ของพวกเขา” ชิษณุเล่าต่อ
จากนั้นทริปต่อมา เขาและเพื่อนได้ยกก๊วนไปเที่ยวตุรกี ซึ่งถามว่าเป็นประเทศที่มีความโลคัลอย่างไร เขาตอบว่า ถ้าธรรมชาติเป็นความโลคัลอย่างหนึ่ง ตุรกีก็นับเป็นประเทศที่โลคัลและเซอร์ไพรส์มาก
ส่วนสไตล์การเขียนในพื้นที่ออนไลน์ทั้งสองช่องทาง เขาเลือกที่จะไม่ประดิษฐ์คำมากมาย แต่เขียนให้เป็นตัวเองที่สุด
“คิดอย่างไร เขียนแบบนั้น เหมือนเป็นบันทึกการเดินทางของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างถ่ายทอดไปตามความเป็นจริง ไม่ได้มาประดิษฐ์สำนวนให้หรูหรา ส่วนสไตล์การถ่ายภาพจะถนัดถ่ายสแนป เพื่อเก็บอารมณ์ในโมเมนต์นั้น ให้คนที่มองภาพได้รู้สึกเหมือนที่เรารู้สึก”
นอกจากนี้ ในฐานะเจ้าของธุรกิจที่หลงรักในการเดินทาง เขาเปรียบเปรยว่าเหมือนการกินข้าวแล้วต้องมีขนม
“สมมติเราเก็บเงินอย่างเดียว โดยไม่มีเวลาไปหาประสบการณ์ด้านอื่นเลย ชีวิตมันจะหดหู่ จริงๆ แล้วการไปเที่ยวไม่ใช่การพักผ่อน เพราะทุกครั้งที่ออกเดินทางมันหนื่อย แต่มันเหนื่อยคนละแบบกับการทำงาน และเป็นความเหนื่อยที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น เพราะเราได้เจออะไรใหม่ๆ ทำให้เราเห็นอะไรที่กว้างมากขึ้น ได้เปิดตัวเอง เปิดโลก เปิดไอเดีย ซึ่งบางอย่างเราสามารถนำมาปรับใช้ในทุกๆ เรื่องของชีวิตได้”


