posttoday

ผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิต ใครจะได้รับเงินกิองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

07 ตุลาคม 2553

สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฉบับที่แล้วได้อธิบายผู้ที่รับเงินจากกองทุนเมื่อสมาชิกสิ้นสมาชิกภาพใน 2 กรณี คือ หากสมาชิกยังมีชีวิตอยู่ สมาชิกผู้นั้นก็เป็นผู้รับเงินจากกองทุน แต่หากสมาชิกเสียชีวิต ผู้รับประโยชน์ที่สมาชิกได้ทำพินัยกรรมหรือระบุชื่อไว้ในแบบฟอร์มผู้รับประโยชน์เป็นผู้รับเงินจากกองทุนตามสัดส่วนที่สมาชิกผู้เสียชีวิตได้กำหนดไว้ ในครั้งนี้จะขอพูดถึงกรณีที่สองคือ ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่สมาชิกเสียชีวิตค่ะ

ส่วนใหญ่สมาชิกที่เป็นโสดมักระบุให้บิดา มารดา พี่ น้อง เป็นผู้รับผลประโยชน์ ขณะที่สมาชิกที่มีครอบครัวแล้วมักระบุให้สามี ภรรยา และลูก แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมคะว่า หากบุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในแบบฟอร์มผู้รับประโยชน์เสียชีวิต และสมาชิกไม่ได้ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับประโยชน์ ต่อมาเมื่อสมาชิกเสียชีวิต ใครจะเป็นผู้ได้รับเงินจากกองทุน

มาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ระบุไว้ว่า ในกรณีสิ้นสมาชิกภาพเพราะถึงแก่ความตาย ถ้าลูกจ้างมิได้กำหนดบุคคลผู้จะพึงได้รับเงินจากกองทุนไว้โดยพินัยกรรม หรือทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่ผู้จัดการกองทุน หรือได้กำหนดไว้แต่บุคคลผู้นั้นตายก่อน ให้จ่ายเงินจากกองทุนให้แก่บุคคลตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

บุตรให้ได้รับสองส่วน แต่ถ้าผู้ตายมีบุตรตั้งแต่สามคนขึ้นไปให้ได้รับสามส่วน

สามีหรือภรรยาให้ได้รับหนึ่งส่วน

บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ให้ได้รับหนึ่งส่วน

ดังนั้น หากผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิต กฎหมายกำหนดให้จ่ายเงินให้แก่บุคคลในข้อ 13 ตามสัดส่วนข้างต้น เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นขอยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ

กรณีที่ 1 สมาชิกท่านหนึ่งระบุให้พ่อแม่เป็นผู้รับประโยชน์คนละ 50% ของเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีสิทธิได้รับเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ แต่ปรากฏว่าพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปก่อนทั้งคู่ แต่สมาชิกไม่ได้เปลี่ยนชื่อผู้รับประโยชน์ ต่อมาเมื่อสมาชิกเสียชีวิต ไม่มีผู้รับประโยชน์ในเงินกองทุน เงินกองทุนนี้จึงต้องกระจายไปให้แก่บุตรและสามีหรือภรรยาตามที่กฎหมายมาตรา 23 กำหนด เช่น หากสมาชิกแต่งงานและมีลูก 3 คน ลูกทั้ง 3 คน จะได้รับ 75% ของเงินกองทุน และสามี/ภรรยาจะได้รับ 25% แต่หากสมาชิกเป็นคนโสด ไม่มีบุคคลตามข้อ 13 กฎหมายกำหนดว่า ถ้าผู้ตายไม่มีบุคคลผู้มีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนตามข้างต้น หรือไม่มีทายาทตามกฎหมายแล้ว ให้เงินดังกล่าวตกเป็นของกองทุนนั่นหมายความว่ากรณีนี้ต้องไปให้แก่ทายาทตามกฎหมายของสมาชิกก่อน ถ้าไม่มีแล้ว เงินจำนวนนี้จึงตกเป็นของกองทุน

กรณีที่ 2 หากสมาชิกระบุให้พ่อแม่เป็นผู้รับประโยชน์คนละครึ่ง แต่พ่อเสียชีวิตไปก่อน แม่ยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาสมาชิกเสียชีวิต ผู้รับประโยชน์ในแบบฟอร์มผู้รับประโยชน์ยังคงเป็นชื่อพ่อและแม่อยู่ กรณีนี้หลายท่านคงคิดว่า แม่คงได้รับเงินกองทุนทั้งหมด เนื่องจากเหลือผู้รับประโยชน์เพียงคนเดียว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ เงินกองทุนในส่วนที่ให้พ่อ 50% ต้องไปให้แก่บุคคลตามที่มาตรา 23 กำหนดเนื่องจากสมาชิกได้กำหนดให้พ่อเป็นผู้รับประโยชน์ไว้แต่พ่อได้ตายก่อน กรณีนี้หากต้องการให้แม่เป็นผู้รับประโยชน์เต็ม 100% ก็ต้องระบุในแบบฟอร์มผู้รับประโยชน์ว่า กรณีที่ผู้รับประโยชน์คนใดคนหนึ่งเสียชีวิตให้ผู้รับประโยชน์ที่ระบุไว้อีกคนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เต็มจำนวนค่ะ

จากตัวอย่างข้างต้น เพื่อนๆ คงจะเห็นว่ามีความซับซ้อนพอสมควร ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง หากมีผู้รับผลประโยชน์ท่านใดเสียชีวิตไปก่อน สมาชิกก็อย่าลืมเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ใหม่และระบุสัดส่วนเงินที่ให้ได้รับจากกองทุนด้วยนะคะ

มีคำถามมาว่า หากสมาชิกเข้าใจผิดระบุชื่อผู้รับประโยชน์เป็นตนเองคนเดียว ต่อมาสมาชิกเสียชีวิต เงินกองทุนจะจ่ายแก่ใคร คำตอบก็เหมือนเดิมค่ะ คือต้องไปให้บุคคลตามที่มาตรา 23 กำหนด

เพื่อนสมาชิกสามารถหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ในหัวข้อ FAQ และอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ในหัวข้อบทความน่าอ่าน ใน www.thaipvd.com แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ

ข่าวล่าสุด

สังคมสูงวัย เขย่าตลาดอสังหาฯ บ้านแบบไหนตอบโจทย์ Longevity Economy