posttoday

เตรียมตัวให้พร้อมกับการประเมินผลงานตนเอง

25 ธันวาคม 2560

เรื่อง กันย์ ช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาการเฉลิมฉลองสำหรับใครหลายๆ คนแล้ว ช่วงเวลานี้เองเป็นช่วงที่หลายๆ บริษัทกำหนดให้มีการประเมินผลงานของปีที่ผ่านมา

เรื่อง กันย์

ช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาการเฉลิมฉลองสำหรับใครหลายๆ คนแล้ว ช่วงเวลานี้เองเป็นช่วงที่หลายๆ บริษัทกำหนดให้มีการประเมินผลงานของปีที่ผ่านมา

ทั้งประเมินผลงานตนเองและประเมินผลงานเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงประเมินหัวหน้างานที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ การประเมินผลงานแบบ 360 องศา ซึ่งการประเมินปลายปีนั้นก็มีวิธีการหลายแบบตามแต่ธุรกิจของบริษัท

อริญญา เถลิงศรี Chief Capability Officer บริษัท SEAC กล่าวว่า การประเมินผลงานปลายปีนอกจากจะมีประโยชน์ต่อองค์กรในแง่ของการวัดความสามารถของบุคลากรแล้ว ยังเป็นเหมือนการสรุปภาพรวมการทำงานของตัวเองตลอดช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงมองไปยังอนาคตว่าเราต้องปรับปรุงตัวเองในจุดไหนบ้าง

KPI ย่อมาจาก Key Performance Indicator เป็นดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน โดยเทียบผลการปฏิบัติงานกับเป้าหมายหรือมาตรฐานที่ตกลงกันไว้ นอกจากจะใช้ประเมินผลการทำงานของพนักงานได้แล้ว ยังสามารถใช้วัดและประเมินความก้าวหน้าขององค์กรได้อีกด้วย เทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถประเมินผลงานตนเองได้อย่างมีขั้นตอน อาจทำได้ตามนี้

1.ย้อนกลับไปมองว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ประสบความสำเร็จ ได้รับคำชม หรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจนรู้สึกผิดหวังในตนเอง

2.นำบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาประเมินผล ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องพยายามซื่อสัตย์และเป็นกลางกับตนเองให้มากที่สุด

3.นำผลการประเมินมาเปรียบเทียบกับผลงานขององค์กร ของทีม หรือของส่วนตัวที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาเพื่อให้เห็นตัวเลขค่าสถิติที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะแสดงให้เราได้รู้ว่าเรามีประสิทธิภาพในการทำงานมากน้อยแค่ไหน

4.เปรียบเทียบผลงานกับเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ นำเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีมาเปรียบเทียบกับผลงานที่เกิดขึ้นตลอดปีว่ามีเป้าหมายใดบ้างที่เราสามารถทำสำเร็จลุล่วง และเป้าหมายใดที่ล้มเหลว และที่สำคัญต้องย้อนกลับไปดูด้วยว่าล้มเหลวเพราะอะไร

5.วางแผนและตั้งเป้าหมายในปีหน้า หลังจากประเมินผลงานออกมาแล้ว ต่อไปก็คือขั้นตอนการตั้งเป้าหมายของปีใหม่ที่จะมาถึง โดยเริ่มจากการตั้งคำถามกับตนเองว่าเราจะปรับปรุงจุดด้อยอย่างไร มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยพัฒนาจุดแข็งได้อย่างต่อเนื่อง

วิธีง่ายๆ อีกอย่างที่อยากนำเสนอคือใช้หลัก 3 S Start Stop Stay โดยการพิจารณาว่า มีเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำ หรือทำน้อยไป (Start) มีเรื่องไหนที่เราทำมากไป ควรทำน้อยลง หรือหยุดทำ (Stop) และมีเรื่องใดที่ทำได้ดีอยู่แล้ว จะได้ตั้งใจทำต่อไป (Stay) เพื่อช่วยให้เห็นภาพของผลงานและเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

ภาพประกอบ ผู้ชายนั่งหน้าคอมพิวเตอร์

...............

02.ยิ่งตะโกน ยิ่งไม่ได้ยิน

"มันหลุดค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็พยายามแล้วนะคะ ว่าจะไม่ใช้อารมณ์กับลูกน้อง"

"อธิบายหลายครั้งหลายคราแล้วครับ คราวนี้ก็เลยจัดเต็มไปหน่อย" คุณเคยอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ไหมคะ พยายามเก็บอารมณ์ตัวเอง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัว แต่ก็พบกับความล้มเหลว รู้ตัวอีกทีก็ตะเบ็งเสียงออกไปแล้ว หรือเก็บเสียงได้ แต่เก็บสีหน้าไม่อยู่

ลองคิดดูซิคะว่าหากเราเก็บกักอารมณ์ไว้มากๆ เข้า ก็เหมือนกับการเป่าลมใส่ลูกโป่ง ยิ่งเป่าก็ยิ่งตึง ยิ่งตึง ก็เสี่ยงจะแตก

เมย์ลภัส บุญสิทธิ์วิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการโค้ช บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป กล่าวว่า เสียงที่ตะโกนออกไป แท้จริงแล้วคือเสียงภายในของเราเองที่ไม่ได้รับการรับฟัง ด้วยหลากหลายสาเหตุ เช่น งานล้นมือ จนลืมสังเกตว่าเครียด เสียงภายในกำลังบอกว่าอยากพัก แต่ก็ปัดมันออกไปเพราะคิดว่ายังไหว

ใจมุ่งไปที่งานและเป้าหมายข้างหน้า แท้จริงแล้ว คนแรกที่เสียงภายในต้องการได้รับการรับฟังที่สุด ก็คือตัวเอง หากเราได้ฟังเสียงตัวเองบ่อยๆ ก็เหมือนกับการปล่อยลมออกจากลูกโป่ง โดยมีวิธีการดังนี้ คือ

1.ให้เวลาฟังเสียงตนเอง โดยคุณอาจจัดเวลาอย่างน้อย 5 นาทีเป็นประจำทุกวัน เพื่อที่จะเข้าใจตนเอง เช่น การนั่งเงียบๆ เพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ หรือระบายความรู้สึกผ่านการเขียนบันทึก

2.ถามตัวเองว่าเรารู้สึกอะไรกันแน่กับสถานการณ์ต่างๆ เช่น โกรธ เครียด สับสน ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต บ่งชี้ว่า การฝึกถามตนเองหรือแม้แต่การพูดกับตนเอง ส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง และประสิทธิภาพในการทำงาน

3.ยอมรับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายใน เช่น ผิดหวังที่ลูกน้องทำงานพลาด เสียใจที่มีคนเข้าใจเราผิด หรือโกรธที่มีคนนินทาเรา โดยการยอมรับคือการให้พื้นที่กับอารมณ์นั้น โดยไม่ตัดสินว่าอารมณ์นั้นเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี หรือ ตัดสินว่าเราเป็นคนดีหรือไม่

คาร์ล โรเจอร์ส นักจิตวิทยาผู้เป็นต้นกำเนิดทฤษฎี Client Center Therapy กล่าวว่า

"เพียงแค่ยอมรับ ก็รักษาใจได้แล้ว"

โดยเขาทดลองให้สร้างบรรยากาศแห่งการรับฟังโดยไม่ตัดสินใดๆ พบว่าเพียงแค่ฟังอย่างยอมรับก็สามารถทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง เข้าใจตนเองดียิ่งขึ้น ลดการปกป้องตนเอง ลดความรู้สึกผิดและความไม่มั่นคงในใจ ที่สำคัญคือเกิดการตระหนักรู้ในตนเอง ส่งผลให้มีสัมพันธภาพกับผู้อื่นดีขึ้น

ยิ่งตะโกน ยิ่งไม่ได้ยิน เพราะเสียงที่ตะโกนออกไปเกิดจากเสียงที่ถูกเก็บกักไว้ ไม่ได้รับการฟังโดยเฉพาะจากตนเอง หากต้องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจต้องเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์กับตนเองก่อนนั่นเอง

................

ภาพประกอบ ผู้หญิงยืนอยู่ริมทะเล

ข่าวล่าสุด

สูตรไลฟ์ขายของจาก “จูน-กษมา–เชน ธนา”ทำยังไงให้ขายได้ ไม่ใช่แค่มีคนดู