มนุษย์ทองคำจากชมพูทวีป
ในสมัยราชวงศ์โจวมีบันทึกเหตุการณ์ประหลาด (อี้จี้ หรือโจวซูอี้จี้ - )
โดย กรกิจ ดิษฐาน
ในสมัยราชวงศ์โจวมีบันทึกเหตุการณ์ประหลาด (อี้จี้ หรือโจวซูอี้จี้ - ) บันทึกเล่มนั้นระบุไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ประสูติตรงกับสมัยราชวงศ์โจวของแผ่นดินจีน ครานั้นตรงกับปีที่ 26 แห่งรัชสมัยพระเจ้าโจวจ้าวหวาง (ราวๆ ก่อนเริ่มคริสต์ศักราช 1024 ปี) ปรากฏว่าแม่น้ำลำธารเอ่อล้นริมตลิ่ง ทั่วผืนปฐพีครืนครั่น ปรากฏฉัพพรรณรังสีอันเป็นมงคลเจิดจ้าทั่วท้องฟ้า เวลานั้นมีปุโรหิตนามว่า ซูโหยว ตรวจสอบคำทำนายจากคัมภีร์อี้จิงได้ฉักลักษณ์ (เฉียน - ) ลำดับที่ 9 ในตำแหน่งที่ 5 หมายความว่าปรากฏมังกรเหินหาว ซูโหยว จึงพยากรณ์ว่า บัดนี้มีมหาปราชญ์ถือกำเนิดในประเทศเบื้องทิศปัจจิม และคำสอนของมหาปราชญ์ท่านนี้จะเผยแผ่มาถึงแผ่นดินจีนในอีกหนึ่งพันปีต่อจากนี้
พระเจ้าโจวจ้าวหวางทรงสดับดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สลักคำพยากรณ์ลงบนแผ่นศิลา จากนั้นฝังแผ่นศิลาจารึกไว้ที่เบื้องทิศใต้ของนคร เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ตรวจสอบว่า ในอีกพันปีต่อจากนี้คำพยากรณ์จะตรงกับความเป็นจริง และจะมีผู้นำคำสอนของมหาปราชญ์ผู้นั้นมาประกาศยังแผ่นดินกลางหรือไม่?
ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าโจวมู่หวาง (ราวก่อนคริสตกาล 1001-946 ปี) เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สั่นสะเทือนทั้งฟ้าและดิน ปรากฏรุ้งสีขาว 12 สาย พาดออกมาดวงตะวัน เป็นลักษณะสายรุ้งแบบเดียวกับที่ปรากฏในศูรางคมสูตร และเป็นแสงรังสีสีขาวแบบเดียวกับพระอาทิตย์ทรงกลด รุ้งที่ว่านี้ปรากฏขึ้นในขณะที่พระพุทธองค์กำลังจะทรงเข้านิพพาน แม้ว่าชมพูทวีปจะอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินจีน แต่คนจีนยุคนั้นก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่ชมพูทวีป การปรากฏขึ้นของพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะแม้นเมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าประสูติ สายธาราในจีนก็เกิดเอ่อล้นขึ้นพร้อมกัน เกิดน้ำล้น แผ่นดินไหว ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพาน ก็เกิดรุ้งขาวโค้งพาดผ่านดวงอาทิตย์ ครั้งรัชกาลพระเจ้าโจวมู่หวางนั้น ปุโรหิตนามว่า ฮู่ตัว ได้อาศัยคัมภีร์อี้จิง พยากรณ์ว่า บัดนี้มหาปราชญ์เบื้องปัจจิมทิศได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว
แม้ว่าจะมีบันทึกการประกาศพุทธธรรมครั้งแรกในจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น แต่ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นที่รับรู้กันใน แผ่นดินจีนก่อนหน้านั้นมานานแล้ว เลี่ยจื่อ ( - ปราชญ์สำนักเต๋า) ได้ยกคำพูดของขงจื๊อมากล่าวว่า
"ชิวได้ยินว่าเบื้องปัจจิมมีมหาปราชญ์ มิต้องปกครอง ก็ไร้โกลา มิต้องจำนรรจา ผู้คนก็ศรัทธาเชื่อถือ มิต้องสอนสั่งผู้คนก็ลงมือปฏิบัติ คุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเกินกว่าจักพรรณนา" (ชิว - คือชื่อตัวของขงจื๊อ)
จากข้อความนี้ทำให้เราทราบว่า ขงจื๊อคงจะได้ยินเรื่องราวของพระพุทธเจ้า และต่อมาในสมัยราชวงศ์ฉิน พระเจ้าอโศกส่งสมณะซื่อลี่ฝาง () พร้อมด้วยสมณทูต 17 คน และพระสูตรมาประกาศพระศาสนา แต่จิ๋นซีฮ่องเต้เห็นพวกท่านรูปร่างหน้าตาประหลาด จึงสั่งคุมขังเสีย แต่ปรากฏบุรุษเรือนกายสีทองสูง 6 ศอก มาพังประตูคุกและปล่อยตัวคณะสมณทูต จิ๋นซีฮ่องเต้ เห็นคณะสมณทูตเป็นอิสระจึงประหลาดพระทัยยิ่ง ยินยอมคารวะแล้วขอขมา พร้อมถวายสิ่งของล้ำค่ามากมาย แล้วส่งคณะไปยังชายแดนประเทศฉิน
ในบรรพสมณพุทธนักพรตเต๋า (ซื่อเหล่าจื้อ - ) ของบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์เว่ย (เว่ยซู - ) มีบันทึกไว้ว่า "เมื่อครั้งพระเจ้าฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นเสด็จตรวจราชการ ฮั่วชวี่ปิ้ง ได้รับรูปบุรุษทองคำสูง 10 ศอก จากกษัตริย์แคว้นคุนเสีย พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ทรงเห็นว่าคงเป็นรูปเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ จึงทรงประดิษฐานไว้ ณ พระตำหนักกานเฉวียน แล้วทรงจุดเครื่องหอมบูชา น้อมสักการะพระรูปนั้น" บันทึกนี้แสดงให้เห็นว่า พระพุทธรูปเดินทางมาถึงจีนตั้งแต่สมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น แต่นับเป็นการเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากยังไม่มีการประกาศพุทธธรรมอย่างจริงจัง
ในรัชสมัยหย่งผิง แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ประมาณ 1,000 ปี หลังยุคของพระเจ้าโจวจ้าวหวาง ครั้งนั้นพระเจ้าฮั่นหมิงตี้ ทรงพระสุบินเห็นบุรุษกายสีทองสุกปลั่งประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์งดงาม พร้อมด้วยประภารัศมีเรืองรองที่ศีรษะ เหาะเหินเข้ามายังเขตพระราชฐาน ในวันรุ่งขึ้นฮ่องเต้ทรงถามความเห็นของบรรดาเสนาอำมาตย์ถึงพระสุบินเมื่อคืนก่อน ปุโรหิตนามว่า ฟู่อี้ ทูลว่า เคยปรากฏมงคลนิมิตในแผ่นดินจีนเมื่อคราวพระพุทธองค์ทรงประสูติ มีบันทึกเรื่องนี้ไว้ในตำราอี้จี้ จากนั้นฮ่องเต้ทรงส่งคณะทูต 17 คน รวมถึง ไช่อิน ฉินจิ่ง และหวางจุน เดินทางไปแสวงหาพุทธธรรมที่ชมพูทวีป เมื่อคณะเดินทางมาถึงอาณาจักรกุษาณะ ได้พบกับพระกาศยปะมาตังคะ และพระโคภะรัน จึงอาราธนาท่านทั้งสองให้เดินทางมายังแผ่นดินต้าฮั่น เพื่อประกาศพระศาสนา พร้อมนำพระสูตรบรรทุกม้าขาวเดินทางกลับมายังจีน
พระเจ้าฮั่นหมิงตี้ทรงจัดพิธีต้อนรับพระสมณทูตอย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นอาราธนาท่านไปจำพำนักที่ตำหนักหงหลู ในนครลั่วหยาง จากนั้นทรงสถาปนาวัดไป๋หม่าซื่อ หรือวัดม้าขาว เป็นที่รำลึกถึงม้าขาวที่บรรทุกคัมภีร์พระพุทธพจน์มาถึงแผ่นดินจีน และเป็นพระอารามพุทธแห่งแรกในประเทศ กล่าวกันว่า พระเถระชาวชมพูทวีปทั้งสองแปลพระสูตรเป็นภาษาจีน 5 ฉบับ แต่สูญหายไปเสีย 4 ฉบับ เหลือเพียงคัมภีร์พุทธพจน์ 42 บรรพ () ที่ตกทอดมาถึงทุกวันนี้ นับเป็นธรรมรัตนะที่บังเกิดเป็นครั้งแรกในแผ่นดินจีน
ปัจจุบันยังมีการค้นพบภาพจิตรกรรมในถ้ำม่อเกาห้องที่ 323 ที่วาดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังราวศตวรรษที่ 8 แสดงเหตุการณ์ขณะพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกทัพไปปราบพวกเซียงหนู พบรูปมนุษย์ทองคำคู่หนึ่ง จึงทรงนำไปประดิษฐานที่พระตำหนักกานเฉวียน แล้วสักการะอยู่มิขาด ซึ่งรูปมนุษย์ทองคำคือพระพุทธรูปนั่นเอง n


