posttoday

SAT รับอานิสงส์ สองล้านคัน

13 ธันวาคม 2560

พรสวรรค์ นันทะยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังภาระหนี้รถยนต์คันแรกของผู้บริโภคเริ่มทยอยหมดลง ส่งผลให้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดีขึ้นตาม

พรสวรรค์ นันทะ

ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังภาระหนี้รถยนต์คันแรกของผู้บริโภคเริ่มทยอยหมดลง ส่งผลให้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดีขึ้นตาม

นภัสร กิตะพาณิชย์ รองกรรมการผู้อำนวยการบริหาร สายสำนักงานกลาง บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) กล่าวว่า ชิ้นส่วนรถกระบะและรถยนต์นั่ง รวมถึงเครื่องจักรกลการเกษตร ที่บริษัทผลิตมีทิศทางที่ดีขึ้นตามภาพอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทย ซึ่งไตรมาส 3 ปีนี้เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 13% มาจากการส่งออก 24% และมาจากการบริโภคในประเทศ 1%

ถ้าเทียบไตรมาส 3 ปีนี้กับระยะเดียวกันปีก่อนพบว่า การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 9% มาจากตลาดส่งออก 2% และจากการบริโภคในประเทศถึง 21% ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปีนี้ ปริมาณการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 0.1% แบ่งเป็นในประเทศเพิ่ม 9% แต่ส่งออกยังติดลบ 6%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบการผลิตรถยนต์ตามประเภทในไตรมาส 3 ปีนี้ กับไตรมาสก่อนหน้าพบว่า รถกระบะเติบโตถึง 14% รถยนต์นั่งส่วนบุคคลติดลบที่ 2% ส่วนอีโคคาร์เติบโต 31%

อย่างไรก็ดี การผลิตโดยภาพรวมของทั้งประเทศเทียบปีก่อนรถยนต์เติบโตที่ 9% โดยเพิ่มจากรถกระบะ 19% แต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยังลดลง 10% ส่วนรถอีโคคาร์เพิ่ม 9% แต่ในงวด 9 เดือนเทียบกับปีก่อนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รถกระบะโต 1% รถยนต์นั่ง ลดลง 2% และอีโคคาร์ลดลง 1%

"ตลาดในประเทศทุกประเภท ทั้งกระบะ รถยนต์นั่ง และอีโคคาร์จะเพิ่มขึ้น แต่ตลาดต่างประเทศ 9 เดือนยังลดลงกว่าปีที่แล้ว แต่ไตรมาส 3 ปีนี้ยังเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา จากการเติบโตของการส่งออกไปออสเตรเลียแนวโน้มโตสูงถึง 1.02 แสนคัน ส่วนการส่งออกไปตลาดอื่นยังใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน" นภัสร กล่าว

นภัสร กล่าวว่า ลูกค้าหลักที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนป้อนและมีรายได้หลักยังอยู่ในลูกค้า 3 ราย คือ มิตซูบิชิมีรายได้เติบโต 31% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนโตโยต้าฮีโน่รายได้ลดลงเหลือ 28% จากปีที่แล้ว 31% และคูโบต้าเพิ่มขึ้นเป็น 18% จาก 16% ส่วนลูกค้ารายอื่นเท่ากับปีที่ผ่านมา

นภัสร กล่าวอีกว่า สัดส่วนทางการตลาดที่วัดทางอ้อมจากการขายที่บริษัทผลิตให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทุกค่ายเพื่อผลิตแล้วขายต่อให้ผู้บริโภคในรอบ 9 เดือนแรกปีนี้ พบว่า เพลาข้างมีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ 72% ลดลงจากปีก่อน 76% คอยล์สปริง 25% ลดลงจากปีก่อน 31% ดิสก์เบรกและดุมล้อหลัง 25% เท่ากับปีก่อน การผลิตขึ้นรูปทั่วไปที่เปิดดำเนินการมา 3-4 ปี อยู่ที่ 10% ลดลงจากปีก่อน 12% และเหล็กกันโครงหลังอยู่ที่ 20% จากปีก่อน 27% ขณะที่การใช้กำลังการผลิตรวมไตรมาส 3 เริ่มเพิ่มขึ้นเป็น 55% จากไตรมาสก่อน 49%

ณัฐขจร ญาณภิรัต รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงิน บัญชีและเทคโนโลยีสารสนเทศ SAT กล่าวว่า จากภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มบริษัทที่ดีขึ้น ทำให้ยอดขายสูงขึ้น ไตรมาส 3 ปีนี้ขึ้นมา 16% เทียบกับไตรมาสก่อน ใกล้เคียงอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 13% ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทสูงขึ้น 10% เทียบกับไตรมาสก่อนที่ 7%

บวกกับมีปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยจ่ายลดลง เนื่องจากไม่มีการลงทุนทำให้มีเงินไปลดสินเชื่อ ดังนั้นหนี้สินในอีก 2 ปีข้างหน้าน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะบริษัทเลือกที่จะขยายตัวอย่างระมัดระวัง ฉะนั้นเงินที่เหลืออาจจะนำมาจ่ายปันผล

"ผลจากการที่บริษัทขายหุ้นบริษัท บางกอกสปริงอินดัสเตรียล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% ในไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้การรับรู้รายได้ในปีหน้าลดลง จากยอดขายที่น่าจะหายไป 1,300 ล้านบาท รายได้จึงอาจต่ำกว่าปีนี้ที่เติบโต 1-2% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 8,470.37 ล้านบาท อย่างไรก็ดีปีหน้าเริ่มมียอดสั่งซื้อใหม่เข้ามาบ้างแล้ว แต่อาจไม่สามารถชดเชยยอดขายที่หายไปได้ทั้งหมด" ณัฐขจร กล่าว

ณัฐขจร กล่าวว่า กำไรไตรมาส 3 ปีนี้ที่สูงขึ้นมามาก ถ้าส่งออกที่เคยทำได้ดีในตลาดออสเตรเลียดีต่อเนื่อง แนวโน้มข้างหน้าก็น่าจะดีต่อไปได้ และถ้ายุโรปยกเลิกมาตรการกีดกันการส่งออกก็น่าจะส่งผลดีเพิ่ม

"แนวโน้มปีหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ดีขึ้นแน่นอน ผมว่าถ้าปีนี้จบที่ 1.9 ล้านคัน ปีหน้าเพิ่มที่ 3% น่าจะอยู่ประมาณกว่า 2 ล้านคันถ้าส่งออกดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในออสเตรเลียการเติบโตยังน่าจะดี เพราะในด้านการปรับปรุงการผลิตบริษัทได้เริ่มนำเทคโนโลยีใหม่มาแทนแรงงานบ้างแล้ว จากยอดพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน 2,700 คน ซึ่งอยู่ในฝ่ายปฏิบัติ 2,000 คน โดยจะนำมาใช้แทนคนในงาน 4 ส่วน คือ งานที่ยกของหนัก และส่วนที่ป้องกันการผิดพลาดของพนักงาน"

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต