มารยาทในเสียงแตร
ใครที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ไกลจากเราไม่ว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา อินเดีย จีน
โดย ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
ใครที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ไกลจากเราไม่ว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา อินเดีย จีน มักเปรียบว่า บ้านอื่นทำไมบีบแตรรถดังมาก ไม่รู้จะรีบไปหาสวรรค์วิมานอะไร
ถ้าเป็นบ้านเราบีบสนั่นจี้ตูดอย่างนี้ พี่สาย 8 คงได้ถอดด้ามเกียร์มาฟาดหน้าแน่
วัฒนธรรมบนท้องถนนในประเทศไหนก็สะท้อนความเป็นอยู่ นิสัยประเทศนั้น
ในเมืองไทยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน บาดเจ็บ เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่กรุงเทพฯ เมืองจราจรคับคั่งอันดับโลก แต่ก็ยังมีสิ่งดีงามบนความวุ่นวาย เรายังเห็นคนขับหยุดรถให้กับผู้สูงวัย เด็ก พระ คนท้อง ผู้หญิงข้ามถนน คนข้ามทางม้าลายก็น้อมตัวขอบคุณที่หยุดรถให้ข้าม
แม้แต่เรื่องบีบแตร เรายังทะนุถนอมที่จะใช้มันจริงๆ ถ้าไม่จวนตัวประเภทรถใกล้ชน ถึงจะบีบเตือน เพราะกลัวว่า ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอจะเป็นการหาเรื่อง เรื่องพรรค์นี้เคยตกเป็นข่าวหลายครั้ง วัยรุ่น เฒ่าหัวร้อนฉุนถูกบีบแตรใส่คว้าไม้ตีกระจกกระจาย หรือลงจากรถท้าต่อยทำร้ายกัน
ปริมาณรถในเมืองกรุงจะมากเพียงไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้มงวด ออกกฎจราจรมาอัพเดทกี่ข้อ ส่งใบสั่งถึงบ้านมากแค่ไหน แต่การขับรถบนท้องถนนที่เห็นแก่ตัว ไร้มารยาท ไม่คำนึงถึงส่วนรวม ก็ไม่ลดลง ทั้งขับกั๊กคร่อมเลน เปลี่ยนเลนพรวดพราด ไม่เปิดไฟเลี้ยวให้ทางข้างหลัง เปิดไฟสูงไม่มีเหตุผล ขับช้ามือใหม่ แต่ขอแช่อยู่เลนขวา จอดรถดื้อๆ แวะซื้อของในซอยไม่สนว่าข้างหลังจะติดยาวหลายร้อยเมตร มอเตอร์ไซค์ก็ใช่ย่อย ปาดซ้ายขวา ขับซอกแซกชนกระจกข้างแล้วหนี ฝ่าไฟแดงรวมหมู่บ้าง ประเภท "อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ" ยังมีอยู่มิเสื่อมคลายจริงๆ
อย่างที่ว่า เสียงเตือนจากแตรรถในเมืองไทยยังน้อยนิด ไม่เท่ากับความไร้ระเบียบที่มีมากมายของคนขับที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจนเสี่ยงอุบัติเหตุ ถ้าไม่พอใจก็แค่ก่นด่าสาบแช่งในรถ เพราะกลัวว่า บีบแตรแล้วจะมีเรื่อง ทั้งที่มันมีเหตุผล จึงอดทนแล้วอดทนอีก รอให้ว่างก่อนแล้วค่อยขับแซง เราถูกสอนว่า การบีบแตรเป็นเรื่องไม่สุภาพ ไม่มีมารยาท ต้องสำคัญจริงๆ ไม่ใช่พร่ำเพรื่อ เดี๋ยวเขาจะด่าเอา ด้านหนึ่งจึงสะท้อนนิสัยคนไทย ขี้เกรงใจ อ่อนโยน ไม่กล้าพูดตรงไปตรงมา ไม่รักษาสิทธิ เหมือนชอบนั่งหลังห้องเมาท์มอยดีกว่า
ดูเมืองไทย แล้วมองประเทศอื่น วัฒนธรรมการบีบแตรของแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ในนิวซีแลนด์ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินหรือผิดสังเกตให้บีบแตรสั้นๆ หลายหน แต่ถ้าบีบบ่อยๆ ถือเป็นสิ่งไม่สุภาพ ในบรูไนเช่นกัน การบีบแตรบ่อยๆ เป็นเรื่องไม่น่ารักเอาซะเลย
ในเวึยดนามขึ้นชื่อเรื่องบีบแตรสนั่นเมือง นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่คุ้นชินจะปวดหูทุกคน โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่มีมากกว่าครึ่ง การบีบแตรก็เพื่อส่งสัญญาณให้รถรอบข้างคันอื่นรู้ว่า อยู่ตรงไหนและกำลังจะไปทางไหน เตือนให้ระวังทุกฝีก้าว อย่าขับมาชนเด็ดขาด ส่วนในจีน เสียงแตรในทุกจุดสะท้อนถึงความเร่งรีบ ไปถึงความหงุดหงิด ทำให้ผมนึกถึงทัวร์จีนล้งเล้งส่งเสียงดังกันเสียจริง
อินเดีย ขึ้นชื่อที่สุดเมืองแห่งเสียงแตรรถ ใครไปต้องหาสำลีมาอุดหูไว้ ไม่ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บนท้องถนนแค่ไหน ก็บีบหมด กระทั่งใช้แตรแทนไฟเลี้ยว นักท่องเที่ยวไทยถึงขั้นกลับมาเขียนว่า ไปขับมอเตอร์ไซค์เล่นในอินเดีย นอกจากจะขับกันแบบไม่มีเลนแล้ว ยังบีบแตรสารพัด บีบได้สนุกสนาน ระยะทางหนึ่งกิโล บีบแตรไปประมาณ 100 เหมือนได้ระบายอารมณ์บนท้องถนน
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ในกรุงนิวเดลี ถึงขั้นรณรงค์ขึ้นแคมเปญห้ามบีบแตรอย่างไร้เหตุผล เพราะเสียงดังทะลุแก้วหูเกินกว่า 85 เดซิเบล กระทบกับคนที่เจ็บป่วยความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และคนไข้ในโรงพยาบาลกลางเมือง
การบีบแตรไม่ใช่เรื่องผิดหรือเสียมารยาท จังหวะที่ต้องเตือนก็ต้องบอกกัน พี่ไทยเราใจดีสุดๆ จนมีคนแซวว่า ไทยเราไม่นิยมความรุนแรง เพราะเสียงแตรก็เป็นความรุนแรงทางโสตประสาทชนิดหนึ่ง ความจริงค่ายรถยนต์ควรทำเสียงแตรเป็นเพลงเมโลดี้ในมือถือ บีบแล้วน่ารัก เตือนอย่างน่าฟัง ไม่โกรธกัน หรือทำเสียงแตรสองแบบ เสียงเตือนกับเสียงขอบคุณที่่นุ่มนวล สะท้อนระดับความรู้สึกเหมือนในเฟซบุ๊ก ชอบ ไม่ชอบ เสียใจ ขอบคุณ


