สตาร์ทอัพโดดลงสนาม ต่อยอดเงินดิจิทัล
ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency กำลังเป็นที่จับตามองทั้งฝั่งผู้บริโภค และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพราะการเกิดขึ้นของสิ่งนี้จะเข้ามาทำลายล้างสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือบาทที่ผู้บริโภคใช้งานกันอยู่ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลก็มีส่วนกับการระดมทุนรูปแบบใหม่อย่าง Initial Coin Offering หรือ ICO ด้วย
ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
สกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency กำลังเป็นที่จับตามองทั้งฝั่งผู้บริโภค และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพราะการเกิดขึ้นของสิ่งนี้จะเข้ามาทำลายล้างสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ ยูโร หรือบาทที่ผู้บริโภคใช้งานกันอยู่ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลก็มีส่วนกับการระดมทุนรูปแบบใหม่อย่าง Initial Coin Offering หรือ ICO ด้วย
ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพหรือผู้อยากสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่มีเงินทุน หันมาใช้วิธี ICO กันมากขึ้น เพราะเพียงอาศัยทักษะด้านไอทีเพื่อเชื่อมต่อระบบกับสกุลเงินดิจิทัลสักตัวหนึ่ง เช่น Ethereum (ETH) ก็สามารถสร้างหน่วยการลงทุน ซึ่งในที่นี้เรียกว่า Coin หรือเหรียญ ก่อนขายให้กับผู้ที่สนใจลงทุนและนำเงินมาต่อยอดได้
อเล็กซี กอร์เดียแยนกอ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TripAlly (ทริปแอลไล) แอพพลิเคชั่นด้านการใช้จ่าย คือหนึ่งในผู้เลือกใช้วิธีนี้ในการเดินหน้าธุรกิจ ผ่านการสร้างเหรียญชื่อว่า ALLY ที่มี Ethereum เป็นเบื้องหลัง เพื่อขายให้กับผู้ที่สนใจลงทุน โดยมีจำนวนทั้งหมด 72 ล้าน ALLY ซึ่ง 1 ALLY มีมูลค่าเท่ากับ 0.005 ETH หรือ 2.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 73 บาท)
"เราเลือกการระดมทุนแบบ ICO เพราะทุกอย่างที่ได้มามันเป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งไม่มีพรมแดนการใช้งานเหมือนกับสกุลเงินอื่นๆ ที่มีอยู่ในโลก และจากจุดเด่นนี้เองทำให้เรานำมาประยุกต์กับธุรกิจท่องเที่ยวที่บริษัทกำลังจะเริ่มในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะเรื่องการชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ โดยผู้ที่มีเหรียญ ALLY สามารถนำไปซื้อของได้ในร้านที่รับสกุลเงินนี้ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องไปแลกเปลี่ยนเงินตราก่อนอีกต่อไป" กอร์เดียแยนกอ กล่าว
สำหรับแผนของการขยายหน้าร้านรับชำระเงินของ TripAlly ตั้งเป้าขยายหน้าร้านในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 100 แห่งในเบื้องต้น ก่อนที่จะขยายไปยังต่างจังหวัด รวมถึงประเทศอื่นๆ ซึ่งการทำแบบนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าสามารถขายของให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 28 ล้านคน/ปี ได้ทันที แม้เดิมทีร้านเหล่านั้นจะรับชำระด้วย Alipay หรือ WeChat Pay ที่มีผู้ใช้ชาวจีนเป็นหลักอยู่ก็ตาม
"จริงๆ แล้วชาวต่างชาติใช้บัตรเครดิตเยอะ แต่ต้องเข้าใจว่าร้านค้าในประเทศไทยไม่ใช่ทุกร้านจะรับบัตรเครดิต และต่างชาติก็ไม่ได้หมายถึงชาวจีนอย่างเดียว ดังนั้นการหาวิธีใหม่ๆ เพื่อให้ร้านค้ารับชำระเงินได้ง่ายกว่าเดิม ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นโอกาสที่สำคัญทางธุรกิจของเรา นอกจากนี้ตัวเหรียญ ALLY ยังสามารถนำไปขายต่อได้ แถมตัวมูลค่ามันยังมีโอกาสสูงขึ้นด้วย หากความต้องการในตลาดมันเพิ่ม" กอร์เดียแยนกอ กล่าว
แผนขยายหน้าร้านรับชำระเงินของ TripAlly เป็นแผนช่วงที่ 2 ของบริษัท เพราะระยะแรกจะเน้นไปในการร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศต่างๆ เพื่อจัดหาแพ็กเกจพิเศษให้กับผู้ที่ใช้งานเหรียญ ALLY ผ่านแอพพลิเคชั่น TripAlly โดย 1 ALLY สามารถซื้อแพ็กเกจใช้อินเทอร์เน็ตไม่จำกัดได้ 1 วัน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนซิมใดๆ เพราะเป็นการโรมมิ่งกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในแต่ละ ท้องถิ่น ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องการใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศได้
ด้าน เรย์ ชู ผู้ก่อตั้งระบบและพัฒนาระบบบิตคอยน์ บริษัท บิทไทย เอเชีย แปซิฟิค (ประเทศไทย) เสริมว่าบิตคอยน์หรือหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น ทั้งในแง่การนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงการลงทุน ซึ่งเรื่องหลังนั้นประเทศจีนก็มีการลงทุนกันอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้มูลค่าของบิตคอยน์ หรือ 1 บิตคอยน์ ก็พุ่งไปถึง 3 หมื่นหยวน หรือ 1.4 แสนบาทในเวลาเพียงไม่กี่ปี
"แม้ทางการจีนและทั่วโลกจะไม่ได้ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลนี้เท่าไรนัก แต่การซื้อขายบิตคอยน์ ในประเทศจีนก็พุ่งสูงถึง 4,000-5,000 ล้านหยวน/วัน และนี่แค่สกุลเงินดิจิทัลตัวเดียว ถ้ารวมตัวอื่นๆ ที่มีหลายสิบตัวด้วย เช่น Ethereum และ Ripple เป็นต้น ก็น่าจะมีมูลค่าเยอะกว่านี้แน่ๆ ส่วนตัวจึงเชื่อว่า สกุลเงินดิจิทัลจะสร้างแรงกระเพื่อมในอุตสาหกรรมการเงินได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน" ชู กล่าว
ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดให้บริการในไทยประมาณปีหน้า เพราะตลาดในไทยกับเรื่องบิตคอยน์ยังเป็นการเริ่มต้น และยังมีเงื่อนไขอีกมาก แต่ไทยมีความพร้อมในเรื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนบางกลุ่มก็พร้อมที่จะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การเดินหน้าเรื่องการใช้งานไม่น่าเป็นเรื่องยาก
การที่ธุรกิจเกี่ยวกับบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆ เข้ามาไทยขณะนี้ อาจเพราะโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างยังสมบูรณ์ในสายตาของต่างชาติ คือเป็นการเริ่มต้นหากภาครัฐวางรากฐานที่ดี สร้างความรู้ที่ถูกต้องให้กับประชาชน ย่อมเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางในเอเชียด้านการเป็นตลาดกลางของบิตคอยน์
มัทนา มูลจันทร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทไทยฯ กล่าวเสริมว่า หลังการเปิดให้บริการในไทยแล้ว จะต้องไม่เกิดปัญหาแบบในจีน ทางบริษัทจึงขอเข้าไปพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงดีอีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจในรูปแบบการใช้งานบิตคอยน์ โครงสร้างพื้นฐานในการใช้งานและความเสี่ยง
ทั้งนี้ บริษัทลงทุนระบบหลังบ้านกว่า 50 ล้านบาทและเตรียมจดทะเบียนบริษัทในไทย ตั้งสำนักงานให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าและมีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงด้วย
การลงทุนไม่ว่าประเภทใดก็มีความเสี่ยง และบิตคอยน์ก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตาดูให้รอบคอบก่อนเข้าไปลงทุน n


