posttoday

การเอาชื่อทางการค้า ของผู้อื่นมาใช้ประโยชน์

28 พฤศจิกายน 2560

ปัจจุบันนักธุรกิจหลายรายมีการนำชื่อทางการค้าของผู้อื่น (สิทธิในการใช้นาม) ที่แพร่หลายเป็นที่รู้จักจากบุคคลทั่วไปมาใช้เป็นชื่อทางการค้าของตัวเองโดยไม่ได้ขออนุญาต โดยเห็นว่าไม่ต้องลงทุนเป็นการหยิบฉวยเอาผลงาน หรือเครดิตทางการค้าของบุคคลอื่นที่ลงทุนโฆษณาแพร่หลายแล้วมาใช้ประโยชน์

ปัจจุบันนักธุรกิจหลายรายมีการนำชื่อทางการค้าของผู้อื่น (สิทธิในการใช้นาม) ที่แพร่หลายเป็นที่รู้จักจากบุคคลทั่วไปมาใช้เป็นชื่อทางการค้าของตัวเองโดยไม่ได้ขออนุญาต โดยเห็นว่าไม่ต้องลงทุนเป็นการหยิบฉวยเอาผลงาน หรือเครดิตทางการค้าของบุคคลอื่นที่ลงทุนโฆษณาแพร่หลายแล้วมาใช้ประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เอาเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการของบุคคลอื่นที่แพร่หลายแล้ว ไม่ว่าจะจดทะเบียนแล้วซึ่งมีผลโดยนิตินัย หรือมีผลทางพฤตินัยไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งการกระทำที่เห็นแก่ตัวดังกล่าวมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา นักธุรกิจที่ดีไม่ควรทำ ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเคยตัดสินเกี่ยวกับการเอาชื่อทางการค้าหรือเครื่องหมายทางการค้าของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเสียหายจำนวนมากตามตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาข้างล่างนี้

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9513/2554

การที่จำเลยนำคำว่า สยาม เซฟตี้ หรือ Siam Safety อันเป็นชื่อทางการค้าของโจทก์มาใช้อันจะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ก็ด้วยเหตุที่การใช้ชื่อนั้นทำให้โจทก์เสียหายเสื่อมเสียประโยชน์ เมื่อจำเลยใช้ชื่อจนทำให้โจทก์เสียหายดังกล่าว ซึ่งมีการใช้และการเสียหายเกิดขึ้นตลอดเวลาที่จำเลยใช้ชื่อทางการค้า ดังนั้น ตราบที่จำเลยยังคงใช้ชื่อทางการค้าของโจทก์อยู่จนถึงวันฟ้อง การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ตลอดเวลาเรื่อยมา มิใช่เป็นการละเมิดครั้งเดียวในวันที่จำเลยใช้ชื่อนี้แต่อย่างใด สิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8779/2542

ในเรื่องสิทธิในการใช้นามของบุคคลนั้น นอกจากจะมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 18 บัญญัติคุ้มครองไว้ ยังมีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 (1) คุ้มครองสิทธิการใช้ชื่อทางการค้าไว้โดยไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิว่าการใช้นาม หรือชื่อทางการค้าดังกล่าวจะต้องมีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจะได้รับความคุ้มครองแต่อย่างใด

โจทก์ใช้คำว่า "BMW" หรือที่เรียกขานในประเทศไทยว่า "บีเอ็มดับเบิลยู" เป็นทั้งชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้ารวมทั้งใช้เป็นชื่อบริษัทในเครือของโจทก์จนมีชื่อเสียงแพร่หลายในหลายประเทศมาก่อนที่จำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยใช้ชื่อว่า "บีเอ็มดับเบิลยู" ในปี 2539 โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิในการใช้ชื่อดังกล่าวและมีสิทธิใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อทางการค้าในประเทศไทยได้ แม้ก่อนปี 2539 จะไม่ปรากฏว่าโจทก์เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยเอง หรือจัดตั้งบริษัทในเครือโดยใช้ชื่อนี้ก็ตาม

เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่สุจริต โจทก์มีสิทธิขัดขวาง จำเลยทั้งสองในการใช้โดยไม่สุจริต ซึ่งชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อันเป็นชื่อสำนักงานการค้าของจำเลยทั้งสองและห้ามจำเลยทั้งสองใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนของโจทก์ดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 47

3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8034/2544

โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ก่อนที่จำเลยจะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย 8 ปี พฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยในการขอจดทะเบียนและใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยที่พยายาม ทำให้ผู้ซื้อสินค้าสับสนหลงผิด เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ เมื่อโจทก์ใช้และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อน โจทก์ย่อมมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่าจำเลย จึงมีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้งสองของจำเลยที่ใช้สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกันและมีลักษณะอย่างเดียวกันได้

การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปขอจดทะเบียนและนำไปใช้กับสินค้าของจำเลยที่เป็นสินค้าจำพวกเดียวกัน ซึ่งมีลักษณะอย่างเดียวกันกับสินค้าของโจทก์นำออกจำหน่ายต่อสาธารณชน ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แม้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจะรับจดทะเบียนให้จำเลยก็เป็นกรณีที่เกิดจากการที่จำเลยขอจดทะเบียนโดยไม่สุจริต จึงหาทำให้การกระทำของจำเลยกลับเป็นถูกต้องไม่ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

ทนายคลายทุกข์ขอเตือนว่าการเอาชื่อทางการค้าของผู้อื่นไปใช้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาและทำให้หมดความเชื่อถือทางการค้าไปตลอดกาล

ข่าวล่าสุด

Smart City ดันอาคารสีเขียวพุ่ง 55% ชูเวลเนสยกระดับคุณภาพชีวิต