posttoday

เราคืออิศวร และอิศวรคือเรา

26 พฤศจิกายน 2560

ผมเชื่อว่าคงต้องมีหงุดหงิดกับคำสั่งของมหาเถรสมาคมที่ให้ย้ายเทวรูปที่ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาออกไปจากวัดต่างๆ

โดย กรกิจ ดิษฐาน

ผมเชื่อว่าคงต้องมีหงุดหงิดกับคำสั่งของมหาเถรสมาคมที่ให้ย้ายเทวรูปที่ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาออกไปจากวัดต่างๆ บางคนอาจแย้งว่า คำสั่งนี้ทำลายความเป็น "ศาสนาไทย" คือศาสนาที่ผสมพุทธกับพราหมณ์และผี บางคนถึงกับบอกว่าศาสนาพุทธที่บริสุทธิ์ไม่มีอยู่จริง เพราะมันต้องผสมกับลัทธิอะไรสักอย่าง ทัศนะแบบนี้อาจจะถูกในแง่มานุษยวิทยา แต่ผิดมหันต์ในแง่ศาสนา

ศาสนาพราหมณ์เชื่อในพระผู้สร้างที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล เรียกว่า "พรหมา" สภาวะเทพสูงสุดนี้ เนรมิตออกมาเป็นเทพ 33 องค์ (ไตรตรึงษ์) คือเทพประจำธาตุ เทพประจำหน้าที่ และเทพในเชิงนามธรรม (ซ่อนในอินทรีย์ของสิ่งมีชีวิต) ต่อมาศาสนาพระเวทเริ่มมีความซับซ้อนขึ้น ชาวบ้านทั่วไปตีความว่าพรหมาแยกเป็นองค์เทพที่จับต้องได้อีกนับไม่ถ้วน ว่ากันว่ามีถึง 330 ล้านองค์ จะพ้นทุกข์ได้ก็ต้องอ้อนวอนขอจากเทพนับล้านๆ องค์เหล่านี้ อีกสายหนึ่งเป็นแนวปรัชญา กล่าวว่า "พรหมา" เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้น สรรพสิ่งทั้งหลายมีสภาวะของเทพเจ้าอยู่ ทุกคนจึงอาจบอกว่า "เราคือพรหมา" (อหัม พรหมาสมิ) แต่เพราะอวิทยา (ความไม่รู้) ทำให้หลงเวียนว่ายตายเกิด ต้องบำเพ็ญภาวนา ถึงจะกลับเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเจ้าได้

ส่วนพระพุทธศาสนาไม่เชื่อเรื่องพระผู้สร้าง สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้ในพระพุทธศาสนาจะมีการกล่าวถึงเทวดา อินทร์ พรหม แต่เทพเจ้าเหล่านี้เป็นเพียงสภาวะหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์ แต่เป็นผู้เสวยกรรมดีของตัวเองต่างหาก เมื่อผลแห่งกรรมดีหมดสิ้น เทพเจ้าจะต้องเกิดในภพใหม่ตามแรงกรรม ดังนั้น ทุกคนสามารถเป็นได้ทั้งเทพ มนุษย์ เดรัจฉาน และสัตว์นรก ตามแต่แรงกรรมที่ตัวเองบันดาลขึ้น จะสิ้นภพ สิ้นการเวียนว่ายตายเกิดก็ด้วยตัวเอง ดังพระพุทธพจน์ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน (อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ) คำว่า "ที่พึ่ง" นี้ไม่ได้หมายความว่าการพึ่งตัวเองทางโลก แต่หมายถึงตัวเองต้องพาตัวเองให้พ้นสังสารวัฏ พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้บอกทาง

โดยสรุปก็คือ ศาสนาพราหมณ์ต้องอาศัยพลังเทพเจ้าถึงจะสมหวัง ส่วนศาสนาพุทธต้องอาศัยลำแข้งตัวเองถึงจะพ้นทุกข์ ความต่างมันชัดเจนขนาดนี้ ที่สำคัญคือในทางศาสนาพุทธ เทพเจ้าจนถึงสัตว์นรก เป็นเพียงสภาวะของการเสวยบุญ-บาป เวียนกันไปไม่รู้จบจนกว่าจะรู้มรรค หากจะพ้นทุกข์ได้ต้องอาศัยแผนที่จากพระรัตนตรัยเท่านั้น เมื่อศึกษาแผนที่และคำชี้แนะจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว จึงเริ่มการสลัดตัวเองจากบ่วงแห่งทุกข์

ในทางพระพุทธศาสนา เทพเจ้าไม่ใช่ผู้เป็นนิรันดร์ที่เราจะพึ่งพาได้ แต่เป็นผู้ที่ต้องทุกข์ได้ยากเหมือนสรรพชีวิตทั้งมวล

ที่อธิบายหลักพระพุทธศาสนาข้างต้น เป็นแนวทางร่วมของเถรวาท-มหายาน แต่มหายานมีคำอธิบายเรื่องเทพเจ้าที่วิจิตรพิสดารมากกว่า เพราะเป็นยานสำหรับการสั่งสมบารมี ต้องโปรดคนหลายจำพวก ในหมู่ชาวพุทธเองก็มีทั้งกลุ่มที่เข้าใจคำสอนเรื่องพระรัตนตรัยได้ง่าย และมุ่งแสวงหาความสำเร็จทางธรรม คนจำพวกนี้มีน้อยเหมือนเขาวัว กับกลุ่มที่ยังมีความต้องการทางวัตถุสูง ไม่คิดเรื่องพ้นสังสารวัฏ และเน้น "ขอ" มากกว่าทำเอง คนจำพวกนี้มีมากมายเหมือนขนบนร่างวัว

เพื่อที่จะโปรดคนกลุ่มหลังในชมพูทวีปที่ยังชอบบนบานศาลกล่าว คณาจารย์มหายานจึงนำเอาคติเรื่องเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์มาปรับปรุงให้เข้ากับคำสอนของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะมหายานฝ่ายมนตราจะอธิบายสภาวะของเทพในศาสนาพราหมณ์ว่าเป็นอวตารของพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ เช่น ในมหาไวโรจนสูตร () อธิบายว่า พระนารายณ์เป็นนิรมาณกายของพระพุทธเจ้า

พรหมในพระพุทธศาสนา หมายถึงสภาวะทางธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติฌาน หากดับขันธ์ระหว่างปฏิบัติฌานจะเกิดเป็นพรหม ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยาวนานหลายกัป บางครั้งดำรงอยู่ยาวนาน จนคิดว่าตัวเองคือผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมา

แม้แต่เทพรองๆ เช่น พระคเณศ พระสรัสวดี เทพชั้น ไตรตรึงษ์ทั้งหลาย ก็ล้วนแต่มีคำอธิบายในทางพระพุทธศาสนาในแง่สภาวะธรรม (ใครสนใจโปรดศึกษาจากมหาไวโรจนสูตร) แนวคิดพระคเณศเองเมื่อคณาจารย์มหายานนำไปถึงญี่ปุ่น ถูกพัฒนาจนกลายเป็นเครื่องรางในทำนองปลัดขิกของบ้านเรา โดยจุดประสงค์อาจเกี่ยวข้องกับโชคลาภกามราคะ แต่ยังสามารถอธิบายด้วยพระพุทธศาสนาได้

ที่น่าสนใจ ก็คือ คำว่า "อิศวร" ในทางมหายาน หมายถึง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" () หรือ "เกิดขึ้นเองด้วยตนเอง" (สวยัมภู) แม้เวลาแสดงออกในเชิงบุคลาธิษฐานจะวาดเป็นรูปพระอิศวร (พระศิวะ) อย่างศาสนาพราหมณ์ แต่หลักใหญ่ใจความต่างกัน

พระพุทธศาสนาแม้จะถูกอธิบายขยายความอย่างพิสดาร ประกอบไปด้วยเทพยดาและบุคลาธิษฐาน ธรรมาธิษฐาน เหลือคณานับ แต่ท้ายที่สุด ความนัยเหล่านั้นก็ย้อนกลับมาที่หลักธรรมดั้งเดิมนั่นเอง คือ "ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน" โดยตนนั้นจะพาตัวเองพ้นทุกข์ได้ด้วยความเพียร หาใช่การวอนขอภาวนา ทุกความสำเร็จและล้มเหลวเกิดขึ้นจากการ กระทำ (กรรม) ของเรา

ไม่มีใครสร้างโลก สร้างเรา สร้างจักรวาล มหายานฝ่ายโยคะกล่าวว่า มีแต่จิตเท่านั้นที่สร้างทุกสิ่งขึ้นมา ขัดเกลาจิตให้ผุดผ่องได้ก็พ้นเกิดตาย ไม่ต้องเวียนเกิดเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทพ เป็นอสุรกาย กันอีกต่อไป n

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์