ปรับความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องเงิน
เรื่อง กันย์ภาพ pixabayอารมณ์ ความคิด และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลกับชีวิตของคนเราเกือบทุกคน เชื่อหรือไม่ว่าความเครียดทางการเงินในเชิงลบ ส่งผลกระทบต่อการทำงานเป็นอันดับต้นๆ เลย
เรื่อง กันย์ภาพ pixabay
อารมณ์ ความคิด และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลกับชีวิตของคนเราเกือบทุกคน เชื่อหรือไม่ว่าความเครียดทางการเงินในเชิงลบ ส่งผลกระทบต่อการทำงานเป็นอันดับต้นๆ เลย
ทั้งนี้ จากการวิจัยล่าสุดของ Willis Towers Watson แสดงให้เห็นว่า 59% ของพนักงานจะรู้สึกเครียดในที่ทำงาน เนื่องจากความกังวลเรื่องเงิน ดังนั้นวันนี้มีข้อคิดดีๆ มานำเสนอ เป็นบทความเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านอารมณ์ ความคิด และความเชื่อ พร้อมทั้งวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องเงินมาฝากกันดังนี้
1.เผชิญหน้ากับความคิดของคุณ
เนื่องจากว่าในวันหนึ่งๆ คนเราจะมีความคิดต่างๆ วนเวียนอยู่ในหัวประมาณ 6,000 รอบต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เราจะคิดแต่เรื่องเดิมซ้ำๆ และส่วนใหญ่ความคิดเหล่านั้นก็จะเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเงินที่เลวร้ายทั้งนั้นเลย ทั้งนี้ความคิดเหล่านี้จึงถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้เรามองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัวจนเป็นความเคยชิน
ดังนั้น การทำลายห่วงโซ่ความคิดนี้ ก็คือการตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเรามัวแต่มานั่งคิดเรื่องเงินจนทำให้การงานเสีย แถมเสียเวลาอีกด้วย และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรายังคงคิดต่อไปกลายเป็นวงจรซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น
2.เข้าใจอารมณ์ของคุณเอง
ตอนนี้คุณควรเข้าใจความสัมพันธ์ของคุณกับเงินก่อน เช่น คุณหวาดกลัวที่จะตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารของคุณหรือเปล่า คุณมักจะรู้สึกอิจฉาความมั่งคั่งร่ำรวยของคนอื่นๆ หรือเปล่า คุณคิดเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณอยู่ตลอด เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัยใช่หรือไม่ ที่ให้คุณตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเอง ก็เพื่อที่จะให้คุณรู้เป้าหมายของคุณ เพื่อไม่ให้อารมณ์ของคุณกำหนดพฤติกรรมของคุณมากเกินไป
สำหรับการแก้ไขปัญหาก็คือค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องเงินของคุณในแง่ดีขึ้นทีละน้อย จนความคิดเรื่องเงินในแง่ดีนั้นสามารถปรับเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ ค่อยคลายกังวลและคิดเรื่องเงินน้อยลง
3.เปลี่ยนรูปแบบความเชื่อของคุณ
ตอนนี้คุณได้กำหนดความคิดและอารมณ์ของคุณในทางที่ดีขึ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเผชิญหน้ากับความเชื่อเรื่องการเงินของคุณ เคยมีคำกล่าวไว้ว่าความเชื่อเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่มันยากจะพังทลายลงมาได้ ความเชื่อเรื่องเงินของเราเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นเด็ก
จนกระทั่งเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จนมีผลต่อพฤติกรรมเมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ตัวอย่างของความเชื่อของภูเขาน้ำแข็งทางการเงินก็อย่างเช่นว่า เราเชื่อว่าเงินเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จ ไม่มีความมั่นใจเมื่อมีเงินติดตัวน้อย หรือเราเชื่อว่าเรารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องเงินในครอบครัวของเรา
สรุปได้ว่าความเชื่อเหล่านี้นี่เองที่จะผลักดันให้เรามีพฤติกรรมทางการเงินที่ไม่ดี จนกว่าเราจะเป็นหนี้ขึ้นมา เราถึงจะเรียนรู้ว่าความเชื่อที่เราเชื่อมาทั้งหมดมันไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว เช่น การเป็นหนี้ดีก็มี เช่น หนี้จากการกู้ซื้อบ้านนั้นถือว่าเป็นหนี้ที่ดี แต่การประหยัดเงินและมีความพอเพียงคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่เราจะปรับให้พฤติกรรมของเราดีขึ้นได้
การแก้ไขปัญหาในข้อนี้ คือการรับรู้ว่าความเชื่อเรื่องเงินที่ไม่ดีของเรา มันจะสามารถทำลายตัวตนและตัวเราได้ เพราะฉะนั้นควรให้ภูเขาน้ำแข็งทางการเงินของเราถูกบั่นทอนออกไปเสียบ้าง เพราะการที่เราถูกโดนปลูกฝังเรื่องการเงินมาจากพ่อแม่ของเราแบบนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำอย่างพวกท่านเสียเมื่อไหร่
การวางแผนและการจัดทำงบประมาณการเกษียณอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำต่อไป และเพื่อความไม่ประมาทควรทำเสียแต่เนิ่นๆ แต่เมื่อเข้าใจความคิดเรื่องเงินของเรา เราจะสามารถเผชิญหน้ากับความเชื่อต่างๆ และขับไล่ความเครียดของเราออกไปจากจิตใจเราได้ในที่สุด ปรับเปลี่ยนวิธีการและความคิดเสียแต่เดี๋ยวนี้ n


