WPH ฝัน เมดิคอลฮับอันดามันใต้
เรื่อง บงกชรัตน์ สร้อยทองบริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในภาคใต้ที่ใช้เครื่องมือตลาดทุนในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท และเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่ราคาปรับลดลงมากว่าราคาไอพีโอเล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ 3.82 บาท โดยเคยไปแตะระดับสูงสุดที่ 4.18 บาท ในวันที่เข้า SET วันแรก
เรื่อง บงกชรัตน์ สร้อยทอง
บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในภาคใต้ที่ใช้เครื่องมือตลาดทุนในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท และเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่ราคาปรับลดลงมากว่าราคาไอพีโอเล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ 3.82 บาท โดยเคยไปแตะระดับสูงสุดที่ 4.18 บาท ในวันที่เข้า SET วันแรก
หัวเรือหลักอย่าง "เชน เหล่าสุนทร" รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน WPH ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 มาช่วยบริหารจัดการดูแลโรงพยาบาลต่อจากรุ่นคุณปู่และคุณย่าที่ช่วยสร้างตำนาน "หมอวิทย์" ที่อยู่คู่คนตรังกว่า 60 ปี (ก่อตั้งปี 2560) จากคลินิกจนเป็นโรงพยาบาลขนาด 120 เตียง จากห้องรวมเป็นห้องเดี่ยว แล้วก็พัฒนากลายเป็นโรงพยาบาลที่มีความชำนาญและเครื่องมือที่พร้อมในการรักษาโรคเฉพาะทางหลายอย่าง
นอกจากนั้นยังได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไข้จังหวัดใกล้เคียงแถบทะเลฝั่งอันดามันใต้อย่าง กระบี่ นครศรีธรรมราช สตูล พัทลุง จนปี 2557 เริ่มรับคนไข้เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการที่จะส่งต่อคนไข้ให้ในโรคหรืออุบัติเหตุที่คลินิกเบื้องต้นรับไม่ได้ จนรายได้ต่างชาติปี 2559 โตเท่าตัวจากปี 2558 และครึ่งปีแรกของปีนี้โตมาแล้ว กว่า 50% จนมีสัดส่วนรายได้ 16% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยุโรปและสแกนดิเนเวีย หรือเอเชีย อย่าง จีน เกาหลี ซึ่งรายได้จากต่างชาติช่วยดันอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นให้บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บริษัทเข้า SET หลังมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการสร้างโรงพยาบาลที่อ่าวนาง จ.กระบี่ หลังทดลองเปิดเป็นคลินิกเล็กมีแพทย์ประจำคนเดียว แต่มองว่ามีศักยภาพมากจากตอนแรกนอกฤดูกาลท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ 6 แสนบาท/เดือน แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 8-9 แสนบาท/เดือน และช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสูงถึง 2 ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้ คนไข้ที่มาใช้บริการเป็นคนไทย 70% ต่างชาติ 30% แต่คนไข้ต่างชาติกลับสร้างรายได้ถึง 70-80% จึงตัดสินใจสร้างโรงพยาบาลอ่าวนาง มีทั้งหมด 59 เตียง เหตุผลหนึ่งที่สนับสนุนคือ กระบี่เป็นจังหวัดอันดับ 4 ที่สร้างรายได้การท่องเที่ยวให้กับประเทศ มีเครื่องบินขึ้นลงเฉลี่ยต่อวัน 80 เที่ยว ฤดูไฮซีซั่น 100 กว่าเที่ยว และมีเครื่องบินไดเร็กต์ไฟลต์มาถึงกระบี่ เช่น นักท่องเที่ยวมาเลเซีย
ปัจจุบันได้เริ่มก่อสร้างชั้นหนึ่งที่อ่าวนางแล้ว จากการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว 2 รอบ 150 ล้านบาท และการกู้เงินจากธนาคาร 150 ล้านบาท แต่มูลค่าโครงการก่อสร้างทั้งหมด 450 ล้านบาท ถ้าโรงพยาบาลอ่าวนางก่อสร้างแล้วเสร็จตามคาดในไตรมาส 4 ปี 2561 จะเป็นตัวช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นระดับ 40% ภายในปี 2563 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าได้ โดยคาดหวังว่าที่อ่าวนางจะคืนทุน 8 ปี
"โรงพยาบาลอ่าวนางเบื้องต้นรับคนไข้ที่ใกล้หาดเป็นหลักก่อน แต่ถ้ามีผู้บริการใช้เพิ่มก็มีโอกาสที่จะขยายพื้นที่และจำนวนเตียงเพิ่มเป็น 120 เตียงได้ เพราะปัจจุบันแม้มีโรงพยาบาลเอกชนที่กระบี่ 2 แห่ง แต่ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองและคนไข้ไม่เยอะ เราไปตั้งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอยู่และเป็นศูนย์กลางไปหลายหาด และปกติถ้ามีผู้ป่วยหนักเดิมจะไปโรงพยาบาลเอกชนที่ภูเก็ต แต่ใช้ระยะเวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง"
นอกจากนั้น เงินไอพีโอจะใช้ขยายเตียงที่โรงพยาบาลตรังเป็น 212 เตียง จากปัจจุบันมี 120 เตียง และมีคนไข้เฉลี่ยต่อวัน 350-400 คน อีกทั้งจะนำไปสร้างอาคารแยกเป็นส่วนผู้ป่วยนอก เช่น ศูนย์ตรวจสุขภาพ ศูนย์ความงามที่อาจหาพันธมิตร หรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมาร่วมกันทำธุรกิจ โดยอยู่ระหว่างการขออนุญาตเพื่อต้องการให้มีการบริการที่ครอบคลุม และรองรับสังคมผู้สูงอายุที่มีศูนย์ช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย ซึ่งในอนาคตคาดหวังมากกว่า 5 ปี เมื่อมีการดูแลรักษาครบวงจร คาดว่าจะเพิ่มคนไข้ใช้บริการต่อวันเป็น 800 คน อีกทั้งเป็นการใช้ทรัพยากรพื้นที่ในโรงพยาบาลและบุคลากรได้คุ้มค่า คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้กลางปี 2561
ปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ 1 ล้านบาท เชนเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและเปลี่ยนทีมบริหารทั้งหมดตั้งแต่ระดับสูงสุดถึงระดับกลาง รวมถึงชวน นพ.สมชาย จันทร์สว่าง มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จนกระทั่งปี 2557 มีกำไรสุทธิ 27 ล้านบาท แต่เมื่อจะเข้า SET ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นแบบมีเงื่อนไขเพราะหักสินทรัพย์ที่ด้อยค่าหมดตั้งแต่ตอนปี 2540 ทำให้ขาดทุน 16 ล้านบาท แต่ปี 2558 มีกำไร 43 ล้านบาท ปี 2559 กำไร 72 ล้านบาท ครึ่งปีแรก 2560 มีกำไร 17 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายกองทุนเมื่อเกษียณและจ้างบุคลากรที่อ่าวนางแล้ว รับบุคลากรจากอ่าวนาง แต่พร้อมจะเติบโตตามนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ WPH หวังเป็น "เมดิคอล ฮับแถบอันดามันใต้" ที่มีเป้าหมายการรักษานักท่องเที่ยวทะเลอันดามัน เร่งทำให้บริษัทแข็งแกร่ง ส่วนอนาคตถ้ามีโอกาสเป็นพันธมิตร หรือร่วมลงทุน หรือซื้อกิจการโรงพยาบาลต้องเป็นทำเลที่มีคนไข้อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว
ล่าสุด WPH ลงนามในสัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้บริการรองรับผู้ใช้สิทธิ สปสช. ที่นำส่งมาตรวจโรคด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลมีที่จะสร้างรายได้เสริมให้อีกทางหนึ่ง


