เทรด Options เพื่อโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
หลายท่านอาจจะไม่เชื่อว่าการเทรด Options จะสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอได้ เพราะเคยได้ยินมาว่า Options นั้นเข้าใจยาก มีความเสี่ยงสูง และมีโอกาสขาดทุนสูง ซึ่งก็ไม่ผิดซะทีเดียว เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่หากเป็นผู้ลงทุนที่หมั่นทำการศึกษา มีการคิดที่เป็นระบบและวางแผนการลงทุนล่วงหน้า การเทรด Options ก็จะเป็นเครื่องมือลงทุนที่สร้างรายได้ผลตอบแทนที่ดี และการลงทุน Options อย่างมีระบบและมีกลยุทธ์นั้นจะสามารถออกแบบให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นด้วยซ้ำ
หลายท่านอาจจะไม่เชื่อว่าการเทรด Options จะสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอได้ เพราะเคยได้ยินมาว่า Options นั้นเข้าใจยาก มีความเสี่ยงสูง และมีโอกาสขาดทุนสูง ซึ่งก็ไม่ผิดซะทีเดียว เพราะการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่หากเป็นผู้ลงทุนที่หมั่นทำการศึกษา มีการคิดที่เป็นระบบและวางแผนการลงทุนล่วงหน้า การเทรด Options ก็จะเป็นเครื่องมือลงทุนที่สร้างรายได้ผลตอบแทนที่ดี และการลงทุน Options อย่างมีระบบและมีกลยุทธ์นั้นจะสามารถออกแบบให้มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นด้วยซ้ำ
สัญญา Options คือ สิทธิในการ ซื้อหรือขายที่บุคคลสองฝ่ายทำสัญญา ร่วมกัน โดยมีการตกลงราคาตามไว้ ล่วงหน้า และสัญญาว่าจะสามารถใช้สิทธิในการซื้อหรือขายนั้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ทำให้ Options ไม่เหมือนกับหุ้น เพราะว่าการซื้อขายหุ้นนั้น ผู้ซื้อและผู้ขายจะตัดสินใจซื้อหรือขายที่ราคาใดราคาหนึ่งทันที ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเป็น Options จะกำหนดราคา ช่วงเวลา และยังได้รับทางเลือก (Options) ที่จะใช้สิทธิในการซื้อหรือขายนั้นหรือไม่ก็ได้ แถมยังใช้เงินน้อยกว่าด้วย เนื่องจากเป็นการซื้อขายสิทธิเท่านั้น
Options นั้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ Call Options กับ Put Options โดยที่ Call Options จะให้สิทธิแก่ผู้ซื้อ Options ในการซื้อสินทรัพย์ ขณะที่ Put Options จะให้สิทธิแก่ผู้ซื้อ Options ในการขายสินทรัพย์ ซึ่ง Options ทั้งสองประเภทจะมีการกำหนดราคาที่ผู้ซื้อ Options จะซื้อขายหรือขาย รวมถึงเวลาการใช้สิทธิไว้ล่วงหน้า โดยผู้ซื้อ Options เลือกว่าจะใช้สิทธินั้น Put Options หรือไม่ ในทางกลับกันนั้นผู้ที่ขายสิทธิ หรือขาย Options นั้น จะมีหน้าที่หรือความ รับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยไม่มีทางเลือกในกรณีที่ผู้ซื้อ Options ต้องการใช้สิทธินั้น
สมมตินายเบนซ์อยากซื้อบ้าน ของโครงการหนึ่งที่ขายดีมาก โครงการเหลือบ้านอีกไม่กี่หลังสำหรับขาย ซึ่งนายเบนซ์ไม่มีเงินที่จะซื้อบ้านหลังนี้ แต่นายเบนซ์รู้ว่าจะได้เงินค่าจ้างในอีก 15 วันข้างหน้า จึงไปเจรจากับเซลส์ขายบ้านว่ายินดีจ่ายค่าจองบ้านนี้ไว้ก่อน 2 หมื่นบาท โดยหากภายใน 15 วัน ไม่มาทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมชำระค่าบ้านจะอนุญาตให้ทางโครงการยึดเงินค่าจองนี้ไปได้เลย ซึ่งเซลส์ขายบ้านได้ตกลงตามเงื่อนไขดังกล่าว จะเห็นได้ว่านายเบนซ์จ่ายเงินแก่เซลล์ขายบ้าน เพื่อให้ได้สิทธิในการซื้อบ้านภายใน 15 วัน หรือเรียกว่าเป็นผู้ซื้อ Call Options และเซลส์ขายบ้านมีหน้าที่ต้องขายบ้านนี้ให้กับนายเบนซ์ภายใน 15 วัน หากมาทำสัญญาจริง เพราะว่าได้รับเงินจองมาแล้ว เรียกเซลส์ขายบ้านว่าเป็นผู้ขาย Call Options
Put Options นั้น ตัวอย่างซื้อประกันรถยนต์ เนื่องจากกังวลว่ารถใหม่อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ จึงไปทำประกันกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ไว้ ซึ่งมีทุนประกันรวมที่ 6 แสนบาท โดยจะจ่ายค่าเบี้ยประกัน (Premium) 8,000 บาท ซึ่งถ้าในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้ารถเกิดชนจน เสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันได้สูงสุด 6 แสนบาท เนื่องจากบริษัทประกันได้รับเบี้ยมาแล้ว แต่หากไม่มีการเคลมความเสียหาย บริษัทประกันจะได้รับเงินค่าเบี้ย 8,000 บาท ไปโดยไม่เสียอะไร คนซื้อประกันคือผู้ซื้อ Put Options และบริษัทประกันเป็นผู้ขาย Put Options
ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า Options อยู่รอบตัว แค่ไม่ได้เรียกว่า Options การใช้งานสัญญา Options ทำได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยง เก็งกำไรจากความเสี่ยง หรือประกันความเสี่ยง สิ่งที่น่าสนใจและสำคัญเกี่ยวกับ Options คือสามารถที่จะวางแผนอย่างละเอียดเพื่อกำหนดความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อยากได้รับก่อนที่จะลงทุน


