posttoday

‘บ้าน’ ของพ่อ อยู่พอเพียง ชีวิตเป็นสุข

18 ตุลาคม 2560

ตลอด 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงช่วยเหลือประชาชนชาวไทยของพระองค์ให้ได้มีอยู่มีกินอย่างพอเพียงผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการ แต่คนจำนวนไม่น้อยอาจจะไม่เคยรู้ว่า พระองค์ยังทรงเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกกันว่าบ้านจัดสรรสำหรับประชาชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครเมื่อ 47 ปีที่แล้ว

ตลอด 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงช่วยเหลือประชาชนชาวไทยของพระองค์ให้ได้มีอยู่มีกินอย่างพอเพียงผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการ แต่คนจำนวนไม่น้อยอาจจะไม่เคยรู้ว่า พระองค์ยังทรงเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกกันว่าบ้านจัดสรรสำหรับประชาชนชั้นกลางในกรุงเทพมหานครเมื่อ 47 ปีที่แล้ว

ในปี 2513 บริษัท สัมมากร ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆ ของไทย โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อต้องการให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยด้วยการนำที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ในย่านบางกะปิ รวมไปถึงการซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อให้ได้พื้นที่ขนาด 200 ไร่ มาพัฒนาโครงการแรกหมู่บ้านสัมมากร

"ในเวลานั้นคุณพ่อ ม.ล.อัศนี ปราโมช ณ อยุธยา เป็นผู้ที่ถวายงานที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงรับสั่งว่า ต้องการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับคนระดับปานกลาง มีบ้าน ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ขณะที่การบริหารงานนั้นพระองค์ท่านไม่ได้เข้ามายุ่ง เกี่ยวในกระบวนการบริหารงาน เนื่องจากมีการตั้งแต่งกรรมการเข้ามาดูแล ปัจจุบันบริษัท สัมมากร ได้มีการส่งมอบที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 6,000 ยูนิต" กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร กล่าว

ถือเป็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของพระองค์และยังแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อประชาชนไม่ว่าจะเป็นคนในต่างจังหวัด หรือคนที่ อาศัยอยู่ในเมือง

นอกจากแนวคิดเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการ บ้านจัดสรร เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยได้ในราคา ที่ไม่สูงเกินไปแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นแบบอย่างของการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่ายและพอเพียง ดังจะเห็นได้จากบ้านพักส่วนพระองค์ ที่โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จ.เพชรบุรี

บ้านเลขที่ 1 หมู่ 5 ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ เป็นบ้านพักส่วนพระองค์และที่ประทับทรงงาน สร้างเป็นเรือนไม้สองชั้นสีน้ำตาลเข้มตกแต่งอย่างเรียบง่าย ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำริให้สร้างอย่างเรียบง่าย ประหยัด และสร้างได้เร็ว โดยใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องที่ จ.เพชรบุรี โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 1 เดือน ซึ่งสะท้อนหลักแนวคิดการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน แนวคิดการอยู่อาศัยอย่างพอเพียงยังได้ถูกนำไปเป็นแนวคิดของการออกแบบ บ้านให้กับประชาชน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำโครงการ "แบบบ้านไทยพอเพียง" โดยการจัดทำแบบบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขออนุญาตปลูกสร้างบ้านพักอาศัย โดยจัดทำแบบบ้านในรูปแบบต่างๆ ให้สามารถตอบสนองประชาชนตามขนาดครอบครัว งบประมาณ และความเหมาะสมของลักษณะภูมิศาสตร์ท้องถิ่น จำนวนแบบบ้านทั้งหมด 10 แบบ ได้แก่ แบบบ้านไทยพอเพียง เป็นแบบบ้านชั้นเดียว จำนวน 5 แบบ และแบบบ้านไทยพอเพียงที่เป็นบ้านสองชั้น จำนวน 5 แบบ

แนวคิดในการออกแบบบ้านไทยพอเพียง คือ เน้นความประหยัด ตอบสนองประโยชน์ใช้สอยขั้น พื้นฐานตามลักษณะครอบครัว คำนึงถึงการขยายตัว ในอนาคต รองรับสภาพที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ สะท้อน ออกมาใน 4 ด้าน คือ 1.รูปแบบ รูปทรงอาคารใช้ ลักษณะเรือนไทยพื้นถิ่นมาประยุกต์ 2.พื้นที่ใช้สอย จัดสรรพื้นที่ใช้สอยตามขนาดครอบครัวหรืองบ ประมาณ และสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคต

3.โครงสร้างและวัสดุ โครงสร้างหลักของอาคารเป็นเสมือนโครงต้นแบบที่สามารถประยุกต์ใช้วัสดุกรุพื้นผิวอาคารตามวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น และ 4.ด้านที่ตั้ง ใช้ลักษณะของบ้านยกใต้ถุน ทำให้สามารถรองรับสภาพที่ตั้งที่เป็นแบบที่ราบลุ่ม หรือที่ราบสูง

แบบบ้านไทยพอเพียงทั้ง 10 แบบ ได้จัดพิมพ์ และแจกจ่ายไปตามหน่วยงานท้องถิ่น เช่น กรุงเทพ มหานคร ตามเขตต่างๆ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการ อำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งเผยแพร่ ทางเว็บไซต์ของกรม เพื่อให้ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดนำไปใช้ในการก่อสร้างบ้านได้อย่างสะดวก และประหยัดงบประมาณ

ทั้งหมดคือเพียงเศษเสี้ยวของพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงวางรากฐาน เผยแพร่แนวคิดในด้านของการอยู่อาศัยให้กับประชาชนของพระองค์ได้เดินตามรอยพ่อ ในการอยู่อาศัยอย่างพอเพียง ตามกำลังและความสามารถที่มีชีวิตก็จะเป็นสุข

ข่าวล่าสุด

สนง.สลากฯ ชูยุทธศาสตร์ปี 69 ลดสลากใบ เพิ่มสลากดิจิทัล–N3 คุมสมดุลตลาด