posttoday

กษัตริย์นักวิทย์ทรงสถิตในดวงใจ

22 ตุลาคม 2560

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญของบ้านเมือง

กษัตริย์นักวิทย์ทรงสถิตในดวงใจ

โดย วัชราภรณ์ สนทนาสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

"....วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญของบ้านเมือง จึงควรสนับสนุนให้มีการคิดค้นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับภาวะและความต้องการของประเทศขึ้นใช้เองอย่างจริงจัง ถ้าสามารถคิดค้นได้มากเท่าไหร่จะเป็นการประหยัดและช่วยให้สามารถนำไปใช้ในงานต่างๆ ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นเท่านั้น...."

พระราชดำรัส ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ

กษัตริย์นักวิทย์ทรงสถิตในดวงใจ

1 สิงหาคม พ.ศ. 2531

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ไม่เพียงทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่โดดเด่นอย่างมาก ตลอดเวลากว่า 7 ทศวรรษ พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายในการค้นคว้า วิจัย และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาและสร้างประโยชน์แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากหลายโครงการ เช่น โครงการฝนหลวง กังหันน้ำชัยพัฒนา ไบโอดีเซล หญ้าแฝก แกล้งดิน ล้วนเป็นนวัตกรรมที่พระองค์ทรงคิดค้น วิจัยและพัฒนาด้วยพระองค์เอง นวัตกรรมแทบทุกผลงานได้รับการจดสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ หรือได้รับรางวัลจากองค์กรและสถาบันระดับโลกมากมาย

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 บุคคลในแวดวงวิทยาศาสตร์จากหลากหลายสาขา ได้อาสารวมใจจัดทำโครงการเทิดพระเกียรติพระองค์ ด้วยการจัดทำบทความ บทวิเคราะห์ถึงพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจ พระราชดำริ ในหัวข้อ "นักวิทย์คิดถึงในหลวง" เพื่อถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพระองค์ ซึ่งเป็นที่ปรากฏแก่คนทั่วโลก

กษัตริย์นักวิทย์ทรงสถิตในดวงใจ

พระมหากษัตริย์นักคิด

ดร.รอยล จิตรดอน อดีตผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ผู้ที่มีโอกาสถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอยู่บ่อยครั้ง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความซาบซึ้งและความประทับใจในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ในบทความพระมหากษัตริย์นักคิดว่า พระองค์ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในเทคโนโลยี ทรงเป็นนักคิด และทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ดังเช่น เรื่องเขื่อนใต้ดิน เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทรงเคยรับสั่งว่าอยากจะสร้าง "เขื่อนปิดปากถ้ำหินปูน" เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใต้ดินสำหรับชาวบ้าน ตั้งแต่ญี่ปุ่นยังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้เลย แต่ไม่มีข้าราชการคนไหนทำ เพราะด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าทำได้ แต่พระองค์ทรงเชื่อว่าทำได้ และทรงศึกษาเรื่องเขื่อนมาเป็นอย่างดี เนื่องจากประเทศไทยมีปัญหาเรื่องน้ำ (1) ไม่มีที่เก็บ (2) ป่าเสื่อมโทรมแล้ว ตะกอนมากขุดลอกไม่ทัน และ (3) น้ำระเหยหน้าแล้ง ดังนั้นทำไมไม่เก็บน้ำไว้ใต้ดิน ทั้งที่ค่าความพรุนของหินมีตั้ง 20 เปอร์เซ็นต์ แถมเก็บน้ำไว้ใต้ดินก็ไม่ระเหย ที่สำคัญเก็บน้ำไว้ใต้ดินแล้วด้านบนยังปลูกต้นไม้ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ทราบถึงแนวคิดนี้ต่างพูดเสียงเดียวกันว่า "Genius" และนี่คือพระอัจฉริยภาพของพระองค์โดยแท้

ต้นแบบของนักวิจัยไทย

"เมื่อก่อนหากมีคนมาถามว่า มีใครเป็นต้นแบบในการทำงาน คงตอบว่า อาจารย์บางท่านที่อยู่ใกล้ตัว ไม่เคยนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เลย นั่นเป็นเพราะพระองค์ทรงอยู่เหนือจากเราเกินไป แต่ ณ ปัจจุบัน เมื่อมาคิดวิเคราะห์ดูโครงการ ดูพระราชกรณียกิจต่างๆ พบว่าพระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่า "บุคคลต้นแบบ" เพราะทุกเรื่องที่ทรงทำล้วนแล้วแต่เป็น "ต้นแบบ" ที่ดีของการเป็นนักวิจัย" บางส่วนบางตอนที่ รศ.ดร.เดชา วิวัฒน์วิทยา อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้บอกเล่าไว้ในบทความต้นแบบของนักวิจัยไทย 

รศ.ดร.เดชา ได้ยกตัวอย่างถึงพระราชจริยวัตรที่นักวิจัยควรน้อมนำไปปฏิบัติไว้ตอนหนึ่งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โดยธรรมชาติของคนเรามักมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องใหญ่ๆ นักวิจัยเองก็เช่นกัน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ถ้ามีโครงการช้างกับโครงการมดที่เขาใหญ่ โครงการไหนมีโอกาสได้รับความสนใจมากกว่า แต่สำหรับผู้เขียนเองกล้าพูดเลยว่า ถ้าไม่มีช้าง ป่าเขาใหญ่ก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีมด ป่าเขาใหญ่น่าจะมีอยู่ยาก เพราะว่ามดเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง อยู่ได้เกือบทุกสภาพแวดล้อม บางทีเรามองแต่เรื่องใหญ่จนมองข้ามเรื่องเล็ก ต่างจากในหลวงรัชกาลที่ 9 โครงการในพระราชดำริ หลายโครงการเกิดขึ้นจากความใส่ใจในทุกสิ่งของพระองค์ ทรงไม่เคยมองข้ามสิ่งที่อยู่รอบตัว ใกล้ตัว หรือสิ่งเล็กๆ และที่สำคัญคือ พระองค์ทรงจับประเด็นเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ได้เก่งมาก อย่างเช่นโครงการชั่งหัวมันที่เริ่มจากทรงเห็นว่า มันเทศที่วางทิ้งบนตาชั่งยังมีใบงอกออกมา ถ้าปลูกในพื้นที่แห้งแล้งก็ต้องเจริญเติบโตได้

ธ ทรงเป็นแรงบันดาลใจแห่งแผ่นดิน

กษัตริย์นักวิทย์ทรงสถิตในดวงใจ

บทความรำลึกถึงพระราชจริยวัตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ร้อยเรียงบันทึกจากใจของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ มีเนื้อหาอันทรงคุณค่าต่อการเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่เยาวชนรุ่นต่อไป กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จึงได้สนับสนุนการจัดพิมพ์ "หนังสือนักวิทย์คิดถึงในหลวง" จำนวน 5,000 เล่ม สำหรับแจกจ่ายไปยังห้องสมุดประชาชน รวมถึงโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ

กุลประภา นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า หนังสือนักวิทย์คิดถึงในหลวงได้รวบรวมบทความเทิดพระเกียรติจำนวน 22 เรื่อง ผ่านมุมมองของนักวิทยาศาสตร์อาสา 18 ท่าน ซึ่งมีทั้งอาจารย์ นักวิจัย วิศวกร นักวิชาการ นักสื่อสาร ตลอดจนผู้บริหารในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย มาจัดพิมพ์เป็นหนังสือ เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้แก่เยาวชนและประชาชนคนไทยได้ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทและสานต่อแนวพระราชดำริและพระราชจริยวัตรที่งดงาม สมดั่งที่พระองค์ทรงเป็น "บุคคลต้นแบบของแผ่นดิน"

พร้อมกันนี้ สวทช.ยังได้จัดแสดง นิทรรศการภาพ "นักวิทย์คิดถึงในหลวง" ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 22 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่โซน A บูธ Y06 และจะมอบหนังสือนักวิทย์คิดถึงในหลวงแก่ประชาชนผู้สนใจ วันละ 200 เล่ม ในวันที่ 23-25 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยรับหนังสือได้ที่บูธศูนย์หนังสือ สวทช. โซน C1 บูธ M19 นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดหนังสือนักวิทย์คิดถึงในหลวงฉบับออนไลน์ได้ฟรีที่ www.nstda.or.th/r/KingRama9andScience n

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง