posttoday

รู้จัก Public Spaces Public Life สำมะโนชีวิตสาธารณะ (2)

24 กันยายน 2560

"เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกัน พบว่าจำนวนผู้คน และปริมาณของกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ "เพิ่มขึ้น"

โดย อาทิตย์ โกวิทวรางกูรเครือข่ายมักกะสัน & [email protected]

"เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกัน พบว่าจำนวนผู้คน และปริมาณของกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ "เพิ่มขึ้น" เป็นเงาตามตัวกับปริมาณพื้นที่สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาที่ผู้คนออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะยาวนานขึ้น (หมายถึงผู้คน 'แช่' อยู่นานขึ้น) ซึ่งนั่นบ่งชี้ถึง 'คุณภาพ' ที่ดีขึ้นของพื้นที่สาธารณะ"

/////// ถ้ายังมีพื้นที่ว่างอาจจะใส่รูป)

โคเปนเฮเกน น่าจะเป็นเมืองแรกของโลก ที่ได้มีการสำรวจชีวิตผู้คนในพื้นที่สาธารณะอย่างเป็นระบบ และทำต่อเนื่องเรื่อยมา

การสำรวจครั้งแรก ได้กลายเป็นฐานให้เปรียบเทียบ เมื่อมีการสำรวจครั้งที่ 2

การสำรวจในครั้งที่ 3 ก็ต่อยอดเป็นบันไดอีกขั้น

สำรวจอีกก็เหมือนต่อขั้นบันไดขึ้นไปอีก

เมื่อมองให้ต่อเนื่องก็จะเห็น "แนวโน้ม"

มาดูกันดีกว่า ว่าการสำรวจสำมะโนชีวิตสาธารณะ หรือ Public Spaces Public Life ของโคเปนเฮเกน แต่ละครั้งพบอะไรน่าสนใจบ้าง? การสำรวจในปี 1986 (ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2) นับเป็นเวลา 18 ปี หลังสำรวจครั้งแรก (ปี 1968) ถือว่าสำคัญยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการสำรวจต่อเนื่อง

เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกัน พบว่าจำนวนผู้คนและปริมาณของกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ "เพิ่มขึ้น" เป็นเงาตามตัวกับปริมาณพื้นที่สาธารณะที่เพิ่มขึ้น

และระยะเวลาที่ผู้คนออกมาใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะยาวนานขึ้น (หมายถึงผู้คน "แช่" อยู่นานขึ้น) ซึ่งนั่นบ่งชี้ถึง "คุณภาพ" ที่ดีขึ้นของพื้นที่สาธารณะ

ในปี 1996 ได้มีการสำรวจอีกครั้ง (ครั้งที่ 3) ประจวบเหมาะพอดีกับที่โคเปนเฮเกนได้รับเลือกเป็น European City of Culture

รู้จัก Public Spaces Public Life สำมะโนชีวิตสาธารณะ (2)

รอบนี้นอกจากจะใช้การ สังเกต และการนับแล้ว ยังได้เพิ่ม "การสัมภาษณ์" เพื่อให้เข้าใจผู้คน และพฤติกรรมที่แสดงออกมาได้ปรุโปร่งขึ้น

ผลการสำรวจได้ตอกย้ำข้อค้นพบในครั้งก่อน และทำให้เห็นแนวโน้มชัดเจนขึ้นอีก จนอาจสรุปได้ว่า ยิ่งพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นคนก็จะออกมาใช้ชีวิตสาธารณะมากขึ้น

การสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการแปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษ (และพบว่าฉบับภาษาอังกฤษ ขายดีกว่าฉบับภาษาเดนมาร์กหลายเท่านัก) และถือเป็นก้าวกระโดด ของ Public Spaces Public Life ที่ได้กระจายไปไกลทั่วโลก

ปี 2006 (ครั้งที่ 4) ครั้งนี้ขอบเขตการสำรวจขยับขยายจากแค่ใจกลางเมือง (city core) ครอบคลุมทั่วทุกส่วนของเมือง (all parts of the city)

รายงานครั้งนี้ ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือ (ซึ่งมีเป็นฉบับแปลภาษาอังกฤษด้วย) ชื่อว่า New City Life

การสำรวจพบว่า : สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ เริ่มวิวัฒนาการจากในอดีต ที่ส่วนใหญ่เป็น กิจกรรมจำเป็น (necessary activities เช่น เดินทาง ซื้อของ ทำธุระต่างๆ) กลายมาเป็นพื้นที่แห่ง กิจกรรมสันทนาการ และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม (recreational and cultural activities)

หลังผ่านการปรับปรุงและพัฒนาต่อเนื่อง รูปลักษณ์ของ Public Spaces Public Life survey ก็ตกผลึกขึ้น

ปัจจุบันโครงสร้างการศึกษาจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

(1) Public space analysis : บทวิเคราะห์ "พื้นที่" สาธารณะ

ส่วนแรก ตรวจสอบดู สภาพทางกายภาพ (physical conditions) และคุณภาพ (quality) ของพื้นที่สาธารณะ เพื่อระบุทั้ง "ปัญหา" และ "ศักยภาพ"

ตรงนี้จะสำรวจตั้งแต่ พื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ (existing public space)

โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเดิน (pedestrian infrastructure)

คุณภาพของพื้นที่ : ศักยภาพของพื้นที่สาธารณะ ในแง่ ความสบาย และ ความสนุก

สภาพการจราจร : การ "ปะทะกัน" ระหว่าง "จราจร กับ การเดิน" ... รวมถึงตรวจสอบระดับความยากง่าย ของการเดินฝ่าการจราจรในเมือง

"เงื่อนไข" ที่จะทำให้คนใช้เวลามากขึ้น ในพื้นที่สาธารณะ

(2) Public life analysis : บทวิเคราะห์ "ชีวิต" สาธารณะ

ส่วนที่ 2 สำรวจลักษณะการใช้งานพื้นที่สาธารณะ ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร? โดยพิจารณา ...

กิจกรรมการเดินเท้า

ระดับของกิจกรรมที่อยู่กับที่ (คือการ "หยุด - - เพื่อใช้เวลาในพื้นที่นั้น" เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของพื้นที่ เรียกอีกอย่างว่า space use)

บุคลิกลักษณะ (characteristic) ของ "ผู้ใช้" พื้นที่สาธารณะ

การนับจำนวนคนเดิน

นับจำนวนและระยะเวลาที่ใช้ของแต่ละกิจกรรมที่เกิดขึ้น

โดยทั้งหมดข้างต้นจะถูกบันทึก และนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบในแต่ละฤดูกาล แต่ละช่วงเวลาของวัน แต่ละวันในสัปดาห์ และในแต่ละช่วงของปี

(3) Summary and recommendations : บทสรุป และข้อเสนอแนะ

เมื่อได้ข้อมูลสองส่วนแรกแล้ว ก็มาตอบคำถามว่า ...

What can be done to improve the conditions for people in the city?

จะทำอะไร เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในเมืองได้บ้าง?

เดิมที การทำสำรวจจะจบลงเพียงแค่สองส่วนแรก เนื่องเพราะเป็นการสำรวจเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลเป็นหลัก (เป็นงานเชิงวิชาการ)

ต่อมาเมื่อเมืองต่างๆ เชิญเขาและทีมไปสำรวจ เมืองเหล่านั้นไม่ได้ต้องการแค่ผลสำรวจ

ที่ต้องการมากกว่าคือ "คำแนะนำ"

จึงเป็นที่มาของส่วนที่ 3 ของการสำรวจ คือ บทสรุปและข้อเสนอแนะ

หลังสั่งสมประสบการณ์การสำรวจมาเกือบครึ่งศตวรรษ ญาน เกห์ล ตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือ เพื่อตีแผ่เครื่องมือ และวิธีการศึกษา เบื้องหลังการสำรวจอันลือชื่อของเขา ในเล่ม How to study public life (มีแปลไปแล้วหลายภาษา แต่ยังไม่มีฉบับภาษาไทย)

ตอนหน้า ขอพาไปทัวร์หนังสือของเขาเล่มนี้สักนิด ว่าเขาเผยเครื่องมือและวิธีการ ออกมาหมดเปลือกขนาดไหน

ดูสิว่าตั้งใจจะมอบเครื่องมือ ให้พวกเราเอาไปใช้ศึกษากันได้จริง ...

หรือแค่เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างอิทธิพลให้กับเขา และบริษัทของเขาเท่านั้นกันแน่

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68