'ทีคิวเอ็ม' พึ่งตลาดหุ้น ระดมทุนขยายธุรกิจใน/ต่างประเทศ
ตระกูลพรรณนิภา ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จัดตั้งบริษัท โฮลดิ้ง ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นใน 2 บริษัทนายหน้า และ 1 บริษัทไอที
โดย...วารุณี อินวันนา
ตระกูลพรรณนิภา ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จัดตั้งบริษัท โฮลดิ้ง ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นใน 2 บริษัทนายหน้า และ 1 บริษัทไอที เตรียมเข้าระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
อัญชลิน พรรณนิภา ประธานคณะกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็มคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ ได้ทำการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ ด้วยการจัดตั้งบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นโฮลดิ้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท เพื่อถือหุ้นในบริษัททีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ ซึ่งทำธุรกิจนายหน้าประกันภัย บริษัท ทีคิวเอ็ม ไลฟ์ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ ทำธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต และบริษัท แคสแมท ที่ทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนงานของทั้งสองธุรกิจ
“ในบริษัทโฮลดิ้งนี้มีผมและภรรยา นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รวมเกือบ 100%” อัญชลิน กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อนำบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต บล.บัวหลวง ในการนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียน และแต่งตั้งสำนักงาน อีวาย เป็นผู้สอบบัญชี แต่งตั้งบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเคนซี่ เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย เพื่อให้คำปรึกษาด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบของการที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน
“ในส่วนของโฮลดิ้งจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท ซึ่งไม่มีปัญหา หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วจะลดการถือครองหุ้นลงเหลือประมาณ 51% เพื่อรักษาอำนาจการบริหาร และจะรักษาการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างมั่นคง อย่างน้อยต้องโตสูงกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงกว่าอุตสาหกรรม” อัญชลิน กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปปรับปรุงระบบการทำงานให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล การขยายตลาดในภูมิภาคและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ขณะนี้เริ่มทำตลาดตามแนวชายแดนและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้า ส่วนระยะเวลาที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของการปรับระบบการปฏิบัติงานภายใน ความพร้อมของสถานการณ์การลงทุนในตลาดทุน ซึ่งวางไว้ว่าภายในไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า แต่สามารถเลื่อนได้หากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
“ปีนี้เราวางยอดขายรวมไว้ 1.02 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาทำได้ 9,000 ล้านบาท ทำรายได้รวม 2,289 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท โดย 90% ของรายได้มาจากบริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ 10% มาจากบริษัท ทีคิวเอ็ม ไลฟ์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ขณะที่บริษัท แคสแมท ยังไม่มีรายได้ เพราะตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานของทั้งสองบริษัท และเตรียมระบบบริษัทให้เข้าสู่การทำธุรกิจแบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จากปัจจุบันที่ขายประกันภัยทางโทรศัพท์เป็นหลัก โดยมีพนักงานขาย 2,000 คน” อัญชลิน กล่าว
อัญชลิน กล่าวว่า 6 เดือนแรกบริษัทมียอดขายรวม 5,420 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่เป็นไปตามแผน ซึ่งข้อดีของธุรกิจนายหน้า หรือโบรกเกอร์ประกันภัย คือ การไม่ต้องรับความเสี่ยง โดยเบี้ยที่รับมาจะส่งต่อให้กับบริษัทประกันภัย ประกันชีวิต ที่เป็นพันธมิตรกว่า 40 บริษัท โดยมีรายได้ค่านายหน้า และค่าบริการ อาทิ การจัดส่ง พ.ร.บ. กรมธรรม์ ตรวจสภาพรถยนต์ พร้อมรับชำระเงินค่าเบี้ยประกันถึงสถานที่ที่ลูกค้ากำหนดทั่วประเทศ บริการรถให้ใช้ระหว่างซ่อมตามเงื่อนไขของบริษัท อู่ และดูแลมาตรฐานการซ่อม จัดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าที่มีอยู่กว่า 1 ล้านราย ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายได้เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมมาตลอด และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งในการดึงดูดความสนใจของนักลงทุนได้
นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งในการดึงดูดลูกค้ามาซื้อประกันภัยเพิ่มขึ้นในอนาคต ด้วยการปกป้องพิทักษ์สิทธิให้ลูกค้า ด้วยบริการการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือรักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า มีทีมกฎหมายคอยดูแลเวลาเคลมประกัน ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งดีกว่าการไปซื้อประกันภัยตรงกับบริษัทประกันภัย ที่ลูกค้าจะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง
“เรายังได้ทำวิจัยเพื่อให้บริษัทประกันภัยออกแบบความคุ้มครองที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของลูกค้าได้ ทำให้เบี้ยที่จ่ายมีความคุ้มค่า และตรงกับความต้องการ” อัญชลิน กล่าว
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต และประธานกรรมการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษา กล่าวว่า ธุรกิจนายหน้าประกันภัยมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก สินค้า และเงื่อนไข มีความซับซ้อน จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลให้เป็นไปตามเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งบริษัทมีโครงสร้างการทำงานที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เมื่อมีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลจะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ ส่วนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนจะรอดูจังหวะที่เหมาะสม
ขณะที่ พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง มองว่า ธุรกิจประกันภัยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนกรมธรรม์กว่า 80 ล้านกรมธรรม์ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 8-9% และมีทุนประกันภัยกว่า 100 ล้านล้านบาท ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เพราะประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้คนที่ต้องการความคุ้มครองจะมีมากขึ้น และจะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในอนาคต เช่น จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด ทำให้คนเห็นความจำเป็นในการซื้อความคุ้มครอง
“ธุรกิจนายหน้ามีความน่าสนใจอยู่ตรงที่มีบริษัทประกันภัยให้เลือกหลากหลาย และมีแบบประกัน ราคา ให้เลือกตั้งแต่ 200-2,000 บาท โปรโมชั่นต่างๆ ประกอบกับวันนี้ทีคิวเอ็มแสดงให้เห็นว่ามีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกิจ” พิเชษฐ กล่าว


