เทคนิคซื้อ Put Options ลดความเสี่ยงพอร์ตลงทุน
Options นั้นสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาของหลักทรัพย์ที่ถือไว้ได้ โดยสามารถใช้ Options ทั้งสองประเภท ไม่ว่าจะเป็น Call หรือ Put หรือว่ารวมกันทั้งคู่ ในการสร้างกลยุทธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเพิ่มผลตอบแทน ซึ่ง Options แต่ละตัวจะมีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุที่แตกต่างกันให้เลือกด้วย
Options นั้นสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาของหลักทรัพย์ที่ถือไว้ได้ โดยสามารถใช้ Options ทั้งสองประเภท ไม่ว่าจะเป็น Call หรือ Put หรือว่ารวมกันทั้งคู่ ในการสร้างกลยุทธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเพิ่มผลตอบแทน ซึ่ง Options แต่ละตัวจะมีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุที่แตกต่างกันให้เลือกด้วย
วันนี้ขอยกตัวอย่างเทคนิคการใช้ SET50 Put Options หรือการซื้อประกันความเสี่ยงสำหรับการปรับตัวลงของ SET50 Index เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลงของนักลงทุน ที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต
ในคราวนี้ ขอยกตัวอย่าง TDEX ที่มีชื่อเต็มว่า ThaiDEX ซึ่งเป็น ETF (Exchange Traded Fund) หรือกองทุนเปิดที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนใน TDEX เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ได้โดยสะดวก เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นโดยรวมได้
หากพิจารณาความเสี่ยงของการลงทุนซื้อ TDEX ก็ไม่แตกต่างจากการซื้อหุ้นทั่วไปแต่อย่างใด หากแต่มีความพิเศษคือการขึ้นลงของราคาจะอ้างอิงกับดัชนี SET50 ฉะนั้นนักลงทุนจะสังเกตว่าหากดัชนี SET50 ปรับตัวสูงขึ้น ราคา TDEX นั้นก็จะปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งมองว่าดัชนี SET50 จะขึ้นนั้น ก็ลงทุนซื้อ TDEX และทำกำไรได้ แต่ถ้าดัชนี SET50 ปรับตัวลง แล้วซื้อ TDEX ไว้ ก็จะขาดทุนด้วยเช่นกัน
เนื่องจาก SET50 Index Options นั้นมีสินค้าอ้างอิงเป็นดัชนี SET50 เช่นเดียวกันกับ TDEX จึงสามารถใช้ SET50 Put Options เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดขาลงได้อย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า Put Options นั้นจะปกป้องผู้ขายสินค้าอ้างอิงเมื่อราคาปรับตัวลง
กล่าวคือ ผู้ซื้อสัญญา Put Options จะมีสิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงตามราคาที่ได้ตกลง (ราคาใช้สิทธิ) กับผู้ซื้อภายในเวลาที่กำหนด หรือเสมือนกับการซื้อประกันราคาของดัชนี SET50 นั่นเอง ทั้งนี้ SET50 Options หนึ่งสัญญา (คำนวณจากดัชนี SET50 ที่ประมาณ 1,000 จุด x Multiplier ของ SET50 Options ที่ 200 = 2 แสนบาท) นั้นจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับการลงทุนใน TDEX จำนวน 2 หมื่นหน่วย (ราคาของ TDEX อยู่ที่หน่วยละ 9.80 บาท x 2 หมื่นหน่วย = 1.96 แสนบาท) จะลองยกตัวอย่างพอร์ตการลงทุนที่นักลงทุนซื้อ TDEX ไว้แล้วใช้ SET50 Options เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลง
หากปัจจุบันดัชนี SET50 อยู่ที่ 995 จุด แล้วนักลงทุนซื้อ TDEX จำนวน 1 แสนหน่วย ที่ราคา 9.80 บาท จะคิดเป็นเงินลงทุนเท่ากับ 9.8 แสนบาท เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่าหากตลาดปรับตัวลง จะมีผลกระทบกับมูลค่าในพอร์ต จึงตัดสินใจทำการป้องกันความเสี่ยงโดยการซื้อ (Long) SET50 Put Options ที่ราคาใช้สิทธิ 1,000 จุด จำนวน 5 สัญญา เพื่อให้สามารถครอบคลุมมูลค่ารวมของพอร์ตหุ้น โดยต้องซื้อสิทธิการขายที่ราคา หรือ Options Premium เท่ากับ 10 จุด (1 จุด เท่ากับ 200 บาท) นักลงทุนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเท่ากับ 1 หมื่นบาท (10 x 5 x 200)
ในกรณีที่ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นไปที่ 1,015 จุด นักลงทุนจะได้กำไรจากการถือครอง TDEX ซึ่งจะปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สมมติไปอยู่ที่ 10 บาท จะคิดเป็นกำไร 2 หมื่นบาท ((10-9.80) x 1 แสน) แต่จะขาดทุนจากค่า Premium ของ Put Options ที่ลงทุนไป 1 หมื่นบาท เหลือกำไรสุทธิจำนวน 1 หมื่นบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่าย) อย่างไรก็ตามการขาดทุนใน Put Options จะถูกจำกัดอยู่ที่ 1 หมื่นบาท เสมอไม่ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นไปเท่าใดก็ตาม เนื่องจากเป็นการขาดทุนจากค่า Premium ที่จ่ายไปแล้วเท่านั้น
แต่หากดัชนี SET50 เป็นขาลง และปรับตัวลงไปที่ 975 จุด แล้วราคา TDEX ปรับลดลงไปที่ 9.60 บาท เราจะได้กำไรจากการถือ Put Options ไว้คิดเป็นเงิน ((1,000-975) x 5 x 200) - 1 หมื่น (ค่า Premium ที่จ่ายไปแล้ว) = 1.5 หมื่นบาท แต่จะขาดทุนจาก TDEX เป็นเงิน 2 หมื่นบาท ((9.80-9.60 x 1 แสน) ซึ่งนำไปหักล้างกับกำไรใน Put Options ทำให้ขาดทุนสุทธิเพียง 5,000 บาทเท่านั้น
จากตัวอย่างด้านบน เราจะเห็นว่าการลงทุนใน SET50 Put Options นั้นช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพอร์ตหุ้นของนักลงทุนได้หากตลาดมีการปรับตัวลดลง ในกรณีที่นักลงทุนไม่ได้ลงทุนใน TDEX แต่เป็นการซื้อหุ้นตัวอื่นๆ ก็จะมีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะการปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้นนั้น อาจจะไม่สอดคล้องกับดัชนี SET50 ซะทีเดียว รวมถึงจะต้องมีการคำนวณทางคณิตศาสตร์เพื่อหาจำนวนสัญญา Options ที่เหมาะสมในการประกันความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนของเรา
สิ่งที่ควรระวังอีกอย่าง คือ สัญญา Options เป็นสัญญาที่มีวันหมดอายุ และในการซื้อ Options นั้น ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่า Premium ออกไป ซึ่งหากดัชนี SET50 ไม่ปรับตัวลงก่อนสัญญาหมดอายุตามที่คาดเอาไว้ เราก็จะสูญเงินนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นนักลงทุนควรจะดูแนวโน้มของราคาหรือดัชนีเพื่อคำนึงถึงโอกาสว่ามีมากหรือน้อยด้วย สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขาย Options ได้จากโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการหรือที่เว็บไซต์์ www.tfex.co.th


